“สกนช.” กางแผนบริหารกองทุนน้ำมันฯ มั่นใจ 31 มี.ค.นี้สถาบันการเงินพร้อมยื่นข้อเสนอปล่อยกู้และเม็ดเงินเข้ามาเสริมทัพได้ในช่วง เม.ย-พ.ค.นี้ล็อตแรก 2 หมื่นล้านบาท รับแบงก์มั่นใจมากขึ้นหลังรัฐบาลเห็นชอบทยอยปรับราคาลดอุดหนุนทั้งดีเซล-ก๊าซหุงต้ม ทำให้กองทุนฯ จะใช้หนี้ได้ตามกำหนด ด้านรัฐบาลเตรียมแถลงความชัดเจนช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางพรุ่งนี้
นายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เปิดเผยว่า แผนการกู้เงินเพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงตามมติ ครม.ที่กำหนดไว้วงเงินไม่เกิน 3 หมื่นล้านบาท (รวมเงินกู้ตาม พ.ร.ฎ.1 หมื่นล้านบาท) โดยอนุมัติให้กู้ล็อตแรก 2 หมื่นล้านบาทนั้น สกนช.ได้เปิดให้สถาบันการเงินเสนอเงื่อนไขประมูลการปล่อยเงินกู้ให้แก่กองทุนน้ำมันฯ ที่เดิมกำหนดให้ยื่นภายใน 31 ม.ค.ก็ได้เลื่อนออกไปเป็น 31 มี.ค.นี้เพื่อเปิดกว้างให้ทุกสถาบันการเงินเข้ามาเสนอมากขึ้น โดยมั่นใจว่าจะมีสถาบันการเงินมาเสนออย่างแน่นอน
“ณ วันนี้ก็ไม่มีสถาบันการเงินไหนแจ้งว่าจะยกเลิกการเสนอนะ ก็เชื่อว่าจะมีส่วนหนึ่งเพราะรัฐบาลมีการปรับราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) 3 เดือน เดือนละ 1 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) เริ่ม 1 เม.ย.นี้ก็จะลดภาระเงินกองทุนฯไปพอสมควร ขณะเดียวกันรัฐกำหนดการตรึงดีเซล 30 บาทต่อลิตรถึงสิ้น เม.ย.นี้ จากนั้นจะดูแลเพียงครึ่งเดียวก็ทำให้ดีเซลจะมีการขยับเพดานก็จะทำให้สถาบันการเงินมั่นใจว่ากองทุนฯ จะมีเงินเพียงพอในการชำระหนี้คืนได้ภายในระยะเวลากำหนด 3 ปี โดยเงินกู้ 2 หมื่นล้านบาทคาดว่าจะได้สถาบันการเงินปล่อยกู้ได้ใน เม.ย. และเงินจะทยอยเข้ามาได้ช่วง เม.ย.-พ.ค.นี้ก็จะเป็นช่วงที่พอดีกับสภาพคล่องเงินหมุนเวียนที่เรามีอยู่ 1.65 หมื่นล้านบาทที่จะมาบริหารได้อีกราว 2 เดือนเศษ” นายวิศักดิ์กล่าว
สำหรับฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 20 มีนาคม 2565 ติดลบ 32,831 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมัน ติดลบ 4,028 ล้านบาท และบัญชีก๊าซ LPG ติดลบ 28,803 ล้านบาท จำนวนเงินฝากที่กระทรวงการคลังและสถาบันการเงินมีจำนวน 16,500 ล้านบาท สภาพคล่อง ณ วันที่ 22 มีนาคม 2565 กลุ่มน้ำมันมีรายจ่ายวันละ 546.12 ล้านบาท ก๊าซแอลพีจีมีรายจ่ายวันละ 87.18 ล้านบาท โดยการปรับขึ้นราคาแอลพีจี 3 เดือน (เม.ย.-มิ.ย.) เดือนละ 1 บาทต่อ กก.ก็จะทำให้กองทุนฯลดการอุดหนุนลงจากปัจจุบัน 2,703 ล้านบาทต่อเดือนเหลือในเดือน มิ.ย.อุดหนุนเพียง 1,849 ล้านบาทต่อเดือน โดยราคาแอลพีจีถังขนาด 15 กก.ในเดือนมิ.ย.จะอยู่ที่ 363 บาทต่อถัง ส่วนหลังจากนี้จะขึ้นอีกหรือไม่คงอยู่ที่นโยบายรัฐ
อย่างไรก็ตาม ราคาแอลพีจีตลาดโลกสูงกว่า 800 เหียญต่อตัน หากไม่มีการอุดหนุนใดๆ ราคาแอลพีจีจริงจะต้องอยู่ที่ 39 บาทต่อ กก.หรือ 615 บาทต่อถัง 15 กก. ส่วนกรณีหากจะกู้เพิ่มเติมจากกรอบวงเงินที่รัฐวางไว้ให้อีก 1 หมื่นล้านบาทหรือรอบต่อไปว่าจะกู้เพิ่มอีกมากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ภาพรวมทั้งราคาตลาดโลกและนโยบายภาครัฐในการขยับราคาต่างๆ เช่น กรณีดีเซลหากอุดหนุนครึ่งหนึ่งหากเกิน 30 บาทตามเกณฑ์ราคาในปัจจุบันดีเซลก็จะขยับเพิ่มขึ้นเป็น 34 บาท/ลิตร และการปรับขึ้นแอลพีจีต่อจากเดือนมิ.ย.แล้วจะเป็นอย่างไร เป็นต้น
"การขยับกรอบราคาแอลพีจีและดีเซลจะทำให้ฐานะกองทุนน้ำมันดีขึ้น และหากราคาน้ำมันโลกลดลงได้เราก็จะเรียกเก็บเงินเข้ากองทุนเพื่อชำระหนี้ได้เร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม หากเกิดเหตุการณ์อื่นๆ ที่ไม่เป็นไปตามคาดทางภาครัฐก็สามารถนำเงินอื่นๆ มาสนับสนุนกองทุนฯ ได้ตามมาตรา 6 (2) ส่วนที่ผ่านมากองทุนฯ ผ่านคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงหรือกบน.เองก็ได้มีการปรับเปลี่ยนเงินอุดหนุนดีเซลไปแล้วถึง 13 ครั้งซึ่งส่วนใหญ่ชดเชยมากกว่า" นายวิศักดิ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่าในวันพรุ่งนี้ (24 มี.ค.) เวลา 13.30 น. นายสุพัฒน์พงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะร่วมแถลงรายละเอียดมาตรการช่วยเหลือประชาชน ที่ทำเนียบรัฐบาลหลัง ครม.เห็นชอบไปเมื่อวานนี้ (22 มี.ค.)
