“ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่” ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ไม่ต่ำกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท โตขึ้น 5% จากปีก่อน คาดมีปริมาณการขายก๊าซแอลพีจีในปีนี้รวม 7.65 แสนตัน พร้อมเร่งส่งออกเพิ่มขึ้น ชูแนวคิดการเปลี่ยนผ่านสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน
นางสาวชมกมล พุ่มพันธุ์ม่วง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) (WP) เปิดเผยทิศทางธุรกิจปี 2565 ว่า ในปีนี้บริษัทเน้นการเปลี่ยนผ่านสู่การเติบโตที่ยั่งยืน หรือ Transformation for Sustainable Growth เสริมความแข็งแกร่งธุรกิจหลักคือก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ควบคู่การลงทุนในธุรกิจใหม่ที่หลากหลายเพื่อสร้างรายได้ที่มั่นคงและพัฒนาธุรกิจให้ยั่งยืนมุ่งเป็นทุกคำตอบด้านธุรกิจพลังงานในอนาคต ผ่าน 3 กลยุทธ์ ประกอบด้วย 1. การยกระดับซัปพลายเชนเพื่อรองรับเทรนด์พลังงานในอนาคต โดยมุ่งสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจก๊าซแอลพีจีภายใต้แบรนด์เวิลด์แก๊ส ซึ่งยังคงเป็นธุรกิจหลักในการสร้างรายได้ในปีนี้ เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในตลาด นำนวัตกรรมมาพัฒนาระบบการดำเนินงาน และขยายช่องทางการจัดจำหน่าย
2. ขยาย Ecosystem ด้วยการบุกเบิกบริการใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าอย่างครบวงจร มุ่งสู่การเป็น Service & Energy Solution Provider โดยนำประสบการณ์กว่า 42 ปีในธุรกิจพลังงานมาต่อยอดศักยภาพในการให้บริการและคำปรึกษาแก่ลูกค้า ควบคู่ไปกับการแสวงหาและนำนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้และให้บริการลูกค้าทุกกลุ่มได้อย่างยืดหยุ่นตามความต้องการเฉพาะ รวมทั้งนำเสนอพลังงานทางเลือกและโซลูชันอื่นๆ ที่เหมาะสมกับรูปแบบธุรกิจที่แตกต่าง และสำหรับกลุ่มพาณิชยกรรม เช่น โรงแรม ร้านอาหาร จะร่วมเป็นพันธมิตรกับ Food Platform ต่างๆ ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ในแต่ละแพลตฟอร์ม
3. พัฒนาโซลูชันด้านพลังงานสะอาดเพื่อความยั่งยืน โดยตั้งเป้าการเซ็นสัญญาการซื้อขายไฟฟ้า (PPA) จากโซลาร์รูฟท็อปและโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์รวม 20 เมกะวัตต์ ในปี 2565 ศึกษาความเป็นไปได้ของธุรกิจใหม่ๆ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและอยู่ในกระแสความสนใจในแวดวงธุรกิจพลังงาน
นายนพวงศ์ โอมาธิกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการเงินและบริหารองค์กร บริษัท ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทคาดว่าจะสามารถสร้างยอดขายก๊าซแอลพีจีรวมได้ 765,000 ตัน เพิ่มขึ้นกว่าปีก่อนที่มีปริมาณขายแอลพีจี 700,000 ตัน โดยปี 2565 บริษัทจะส่งออกแอลพีจีไปยังต่างประเทศราว 25,000 ตัน สามารถสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 12,000 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากปีที่ผ่านมา 5%
สำหรับผลประกอบการปี 2564 น่าพอใจด้วยรายได้รวมกว่า 11,540 ล้านบาท พร้อมสร้างผลกำไรต่อเนื่องโดยมีผลกำไร 88 ล้านบาท แม้ยังต้องเผชิญความท้าทายจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 ตลอดทั้งปี
ทั้งนี้ ในปี 2564 บริษัทดำเนินการส่งออกก๊าซ LPG สู่ตลาดเวียดนามในรูปแบบของธุรกิจเทรดดิ้งในปริมาณกว่า 18,500 ตัน รวมทั้งขยายธุรกิจใหม่ๆ เช่น ธุรกิจซ่อมถังและธุรกิจพลังงานสะอาดอย่างเต็มตัว โดยมีการเซ็นสัญญากับบริษัทคู่ค้าเพื่อดำเนินการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปด้วยกำลังการผลิตรวม 6 เมกะวัตต์ ตลอดจนการเริ่มใช้งานคลังเก็บและจ่ายก๊าซบางปะกง เฟส 3 เพื่อเพิ่มปริมาณสำรองก๊าซแอลพีจีในคลังให้เป็น 2% ของปริมาณการค้าประจำปี ตามนโยบายของกรมธุรกิจพลังงาน ควบคู่กับการเสริมศักยภาพของซัปพลายเชนให้ครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ