กนอ.ลงนาม พพ. ประกาศเจตนารมณ์ร่วมส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน การใช้พลังงานทางเลือกและพลังงานทดแทนนำร่อง 15 นิคมฯ คาดประหยัดเงินกว่า 2,560 ล้านบาทลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก 3.4 แสนตันคาร์บอนไดออกไซด์ พร้อมรุกคืบลงนามกับ 5 สถาบันการเงินสนับสนุนทางการเงิน (Financial support) ขับเคลื่อนลดก๊าซเรือนกระจกในนิคมอุตสาหกรรม
นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า กนอ.ได้จัดพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจกับกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) ในโครงการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดตั้งธุรกิจเพื่อส่งเสริมการลดก๊าซเรือนกระจก ของ กนอ. ปีงบประมาณ 2565 โดยระยะแรกตั้งเป้าพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมที่ กนอ.ดำเนินการเอง 15 แห่ง จำนวน 1,505 โรงงาน ให้ตระหนักถึงความจําเป็นในการมีส่วนร่วมแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงการส่งเสริมและสนับสนุนนโยบายการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม/ท่าเรืออุตสาหกรรม เพื่อมุ่งสู่การเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ และบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon neutrality)
“การร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ กนอ. และ พพ.จะร่วมกันดำเนินงานภายใต้กรอบความเข้าใจใน 4 ด้าน ได้แก่ ด้านการสนับสนุนการดำเนินการตามกฎหมายอนุรักษ์พลังงาน ด้านการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน การใช้พลังงานทางเลือกและพลังงานทดแทนของโรงงานในนิคมอุตสาหกรรม ด้านการพัฒนาบุคลากร ระบบฐานข้อมูลเพื่อเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างกัน และด้านการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์แผนงาน/กิจกรรม ภายในระยะเวลา 3 ปี (2565-2567” คาดว่าจะเกิดการประหยัดพลังงานสะสมได้กว่า 640 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง ในปี 2567 คิดเป็นเงินที่ประหยัดได้กว่า 2,560 ล้านบาท และยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 3.4 แสนตันคาร์บอนไดออกไซด์" นายวีริศกล่าว
นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) กล่าวว่า การลงนามบันทึกความเข้าใจครั้งนี้มีเจตจำนงร่วมกันในการส่งเสริมและสนับสนุนซึ่งกันและกันด้านการอนุรักษ์พลังงาน การใช้พลังงานทางเลือกและพลังงานทดแทน โดย พพ.พร้อมส่งเสริมและสนับสนุนการดำเนินการตามกฎหมายหรือนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์พลังงาน การนำมาตรฐาน BEC ไปใช้ในอาคารก่อสร้างใหม่หรือดัดแปลงในพื้นที่ กนอ. และกำกับให้โรงงานและอาคารในสังกัด
“กนอ.มีแผนงานส่งเสริมการใช้พลังงานทางเลือกและพลังงานทดแทนผลิตไฟฟ้า เป้าหมายไม่น้อยกว่า 150 เมกะวัตต์ และส่งเสริมการพัฒนาบุคลากร เพิ่มความเชี่ยวชาญกำกับดูแลการอนุรักษ์พลังงานและการใช้พลังงานทดแทนได้ไม่น้อยกว่า 1,100 คน ฯลฯ การดำเนินงานดังกล่าวสอดคล้องตามแผนยุทธศาสตร์พลังงานของประเทศ เพื่อให้ประเทศมีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนต่อไป” นายประเสริฐกล่าว
นายวีริศกล่าวว่า กนอ.ยังลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการสนับสนุนทางการเงิน (Financial support) เพื่อการอนุรักษ์พลังงาน การใช้พลังงานทางเลือกและพลังงานทดแทน และการดำเนินการเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในนิคมอุตสาหกรรมระหว่าง กนอ.กับสถาบันการเงิน 5 แห่ง ประกอบด้วย ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) และบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ส่งเสริมสนับสนุนมาตรการทางการเงิน (Financial support) แก่ผู้ประกอบการ และร่วมมือกับ บสย.พิจารณาการค้ำประกันสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs ที่มีการดำเนินงานสอดคล้องตามกฎหมายหรือนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์พลังงาน การใช้พลังงานทางเลือกและพลังงานทดแทน การดำเนินการเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ กนอ.
“ต้นทุนของการใช้พลังงานทางเลือกและพลังงานทดแทนที่ลดลง ส่งผลให้ผู้ประกอบการมีความต้องการที่จะใช้ไฟฟ้าจากพลังงานประเภทนี้มากขึ้น อีกทั้งธุรกิจที่เกี่ยวกับพลังงานรูปแบบใหม่ยังถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เช่น การเกิดขึ้นของตลาดคาร์บอนเครดิต และการทำสัญญาซื้อขายพลังงานในรูปแบบใหม่ ทุกฝ่ายจึงควรเตรียมตัวให้พร้อม เพื่อบรรลุเป้าหมายการขับเคลื่อนพลังงานทดแทนให้มีสัดส่วนร้อยละ 30 ของพลังงานไฟฟ้าทั้งประเทศภายในปี 2573 รวมถึงตั้งเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2593 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ภายในปี 2608” ผู้ว่าการ กนอ.กล่าว