“จุรินทร์” ย้ำอีกครั้ง ไก่ไทยจาก 11 โรงงานสามารถส่งออกไปซาอุดีอาระเบียได้แล้วตั้งแต่ 13 มี.ค. 65 หลังใช้เวลาเจรจามานาน 1 ปีเต็ม ยันได้ทำเงื่อนไขกับผู้ส่งออกไว้แล้ว หากส่งออกเพิ่ม ต้องไม่กระทบปริมาณการบริโภคของคนไทย และราคาขาย
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงกรณีซาอุดีอาระเบียได้พิจารณานำเข้าไก่จากประเทศไทยว่า เรื่องนี้เป็นข่าวดีอย่างยิ่ง ตนใช้ความพยายามมาปีหนึ่งเต็มๆ ที่สั่งการให้ทูตพาณิชย์ โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กับกรมการค้าต่างประเทศ ได้เร่งเจรจากับซาอุดีอาระเบียในการหาลู่ทางส่งออกไก่แช่เย็น ไก่แช่แข็ง และไก่แปรรูป ไปยังซาอุดีอาระเบีย เพราะถือว่าเป็นตลาดใหญ่ตลาดหนึ่ง จึงได้เร่งเจรจาและมีความคืบหน้ามาโดยต่อเนื่อง จนซาอุดีอาระเบียเดินทางมาตรวจโรงงานผลิตในประเทศไทยแล้ว 11 โรง แต่ทั้งหมดยังติดขัดรายละเอียดที่จะต้องคุยกันต่อไป และหลังจากที่ท่านนายกรัฐมนตรีเดินทางไปซาอุดีอาระเบียก็ถือว่ามีส่วนสำคัญด้วย
ทั้งนี้ ล่าสุดเมื่อวันที่ 13 มี.ค. 2565 ทูตพาณิชย์ของไทย พร้อมด้วยอุปทูตไทยประจำซาอุดีอาระเบีย ก็เดินทางไปพบกับ อย.ของซาอุดีอาระเบียอีกครั้ง และได้ข้อสรุปร่วมกันว่าซาอุดีอาระเบียยินดีเปิดไฟเขียวให้ไก่จากประเทศไทย สามารถส่งออกไปซาอุดีอาระเบียได้ และในภาพรวมทางการก็จะมีผลทันที ตั้งแต่วันที่ 13 มี.ค. 2565 ถือว่าเรื่องนี้เป็นข่าวดี และขั้นตอนต่อไป ก็จะเป็นขั้นตอนกระบวนการ ทั้งเรื่องฮาลาล และอื่นๆ แต่ตอนนี้อย่างน้อย 11 โรงงานที่ได้รับการตรวจรับรองไปก่อนหน้านี้สามารถส่งออกไก่ไปซาอุดีอาระเบียได้
สำหรับยอดส่งออกไก่ของไทยไปต่างประเทศอยู่ที่ประมาณ 9.12 แสนตัน มูลค่า 1 แสนล้านบาทต่อปี ดังนั้นตลาดซาอุดีอาระเบียก็จะเป็นตลาดที่เพิ่มการนำเงินเข้าประเทศอีกตลาดให้กับการส่งออกของไทย
ส่วนกรณีที่การส่งออกจะส่งผลกระทบการผลิตในประเทศหรือไม่ นายจุรินทร์กล่าวว่า เรื่องนี้ได้ทำเป็นเงื่อนไขแล้วว่าให้กระทรวงพาณิชย์เชิญผู้ประกอบการและทั้งหมดมาพูดคุยกันว่าการส่งออกเป็นเรื่องดี นำเงินเข้าประเทศ แต่ต้องไม่กระทบปริมาณการบริโภคของคนไทย โดยได้ทำเป็นเงื่อนไขไว้แล้ว และเรื่องราคาด้วยว่าให้เป็นไปตามราคาที่กระทรวงพาณิชย์ได้กำกับไว้ ซึ่งจะทำให้ทุกฝ่ายจะได้ประโยชน์ ทั้งผู้บริโภค ผู้ประกอบการ ผู้ส่งออก และประเทศไทยที่จะมีรายได้จากการส่งออกมากขึ้น