xs
xsm
sm
md
lg

“เซ็นทารา” เป้า 5 ปีเพิ่มอีก 100 แห่ง จับตาสงครามตัวแปรทำตลาดไม่ฟื้น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการรายวัน 360 – เซ็นทารา เปิดแผน 5 ปี ผุดโรงแรมรีสอร์ทเพิ่มอีก 100 แห่ง เน้นรับจ้างบริหาร ช่วง 3 ปีแรกทุ่มงบไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท ลุยเต็มที่ จับตาสงครามรัสเซียยูเครนตัวแปรสำคัญอีกนอกจากโควิด จะยืดเยื้อหรือไม่

นายธีระยุทธ จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา เปิดเผยว่า บริษัทฯวางเป้าหมายตามแผนงานภายใน 5 ปีจากนี้ (ปี2565-2569) จะมีจำนวนโรงแรมเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 100 แห่ง ทั้งในไทยและต่างประเทศหรือเฉลี่ยประมาณปีละ 20 แห่ง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการรับจ้างบริหารจัดการ ประมาณ 90 แห่ง และที่เหลือเป็นโครงการของบริษัทฯเองซึ่งมีทั้งการลงทุนเองและการร่วมทุนกับพาร์ทเนอร์ท้องถิ่น โดยเซ็นทาราตั้งเป้าขยายโรงแรมและรีสอร์ทในเครือจากปัจจุบัน 88 แห่ง ให้ได้เป็น 200 แห่ง ภายในปีพ.ศ. 2569 ซึ่งจะทำให้จะสัดส่วนจำนวนของโรงแรมในไทยและต่างประเทศอยู่ที่จำนวนที่ใกล้เคียงกัน


ตลาดในไทยมีแผนที่จะขยายโรงแรมหลายแห่งคาดว่าภายใน 2 เดือนจากนี้จะมีประกาศเปิดตัวได้อีกหบายแห่ง อีกทั้งยังมีแผนที่จะเปิดแบรนด์เซ็นทารารีเสิร์ฟไม่ต่ำกว่า 7 แห่ง หลังจากที่เปิดตัวแห่งแรกไปแล้วที่สมุย ส่วนโรงแรมที่เราพัฒนาเองก็เช่นเกาะลันตา กระบี่ และ ที่ชะอำ และที่เขาเต่าหัวหิน เป็นต้น

ด้านตลาดในต่างประเทศหลักๆที่โฟกัสคือ เอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ตะวันออกกลาง ซึ่งตลาดใหม่ที่น่าสนใจก็เช่น ซาอุดิอาระเบีย ที่เริ่มกลับมาเปิดประเทศความสัมพันธ์กับไทยอีอครั้งหลังหายไปนานกว่า 30ปี ทั้งนี้ในปีนี้มีโรงแรมที่โอซาก้าอยู่ระหว่างก่อสร้างคืบหน้าแล้ว 30% คาดว่าเปิดบริการกลางปีหน้า, ที่มัลดีฟ มีแล้ว2โรงแรมอยู่ระหว่างการถมเกาะที่จะสร้างแห่งที่สาม, ที่จีน มีการเจรจากับพาร์ทเนอร์ 3 ราย แต่ยังไม่มีการสรุปรายละเอียด

“ปีนี้่ถือว่ากลับมาแอคทีฟมากในภาพรวมของเราอีกครั้่ง หลังจากที่เจอโควิดมาเกือบ 2 ปี สามารถเซ็นสัญญาได้ไม่ต่ำกว่า20 โครงการ ทั้งในเวียดนาม จีน ไทย ตะวันออกกลาง โดยในปีพ.ศ. 2565 นี้ เซ็นทาราจะเดินหน้าเปิดโรงแรมและรีสอร์ทในเครือเพิ่มอีก 8 แห่ง (จำนวน 1,066 ห้อง) ให้ครอบคลุมจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวหลักในไทย อาทิ กรุงเทพฯ โคราช และอุบลราชธานี และในต่างประเทศ อาทิ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวโอมาน และกาตาร์ “


นายกันย์ ศรีสมพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน กล่าวว่า ปีนี้คาดว่าในภาพรวมบริษัทฯจะทำรายได้รวมที่ 17,000 – 18,000 ล้านบาท โดยเแบ่งเป็นธุรกิจอาหารที่ 12,000 ล้านบาท และธุรกิจโรงแรมที่ 5,900 ล้านบาท เทียบได้ที่ 70% ของปีก่อนเกิดโควิด และบริษัทฯมีความพร้อมในเรื่องของเงินลงทุนเพราะขณะนี้มีสถาบันการเงินสนับสนุนรวมแล้วไม่ต่ำกว่า 4,000 ล้านบาท
โดยปี2565นี้่จะใช้งบประมาณลงทุนรวม3,400 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นธุรกิจอาหารกว่า 1,400 ล้านบาท ธุรกิจโรงแรมกว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งในส่วนโรงแรมนี้ แบ่งเป็น 1,000 ล้านบาทใช้ในการรีโนเวทโรงแรมเดิม เช่น รีโนเวทโรงแรมเดิมที่เซ็นทาราแกรนด์กระบี่เป็นเซ็นทารารีเสิร์ฟ ส่วนอีก 1,000 ล้านบาท ลงทุนต่างประเทศที่มัลดีฟ โอซากา เป็นต้น

สำหรับงบลงทุนปี2566 ตั้งไว้ที่ 3,400 ล้านบาทเท่ากัน ส่วนปี2567ตั้งงบไว้ที่ 3,600 ล้านบาท

ส่วนผลประกอบการปี 2564: บริษัทฯมีรายได้รวม 11,635 ล้านบาท ลดลง 1,614 ล้านบาท (หรือลดลง 12%) บริษัทฯมีกำไรก่อนค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย ดอกเบี้ยจ่าย และภาษีเงินได้ (EBITDA) รวม 2,004 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23 ล้านบาท (หรือเพิ่มขึ้น 1%) จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยคิดเป็นอัตรากำไรก่อนค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย ดอกเบี้ยจ่าย และภาษีเงินได้ ต่อรายได้รวม (% EBITDA) 17% เพิ่มขึ้นเทียบปีก่อน (ปี 2563: 15%)


บริษัทฯ มีผลขาดทุนจากการดำเนินงานจำนวน 1,779 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้น 228 ล้านบาท เทียบปีก่อน (หรือ 15%) ทั้งนี้ หากรวมรายการพิเศษกลับรายการ (สำรอง) ด้อยค่าของสินทรัพย์ บริษัทฯ จะมีผลขาดทุนสุทธิ 1,734 ล้านบาท ขาดทุนลดลง 1,042 ล้านบาท เทียบปีก่อน (หรือ 38%)

ขณะที่การผลดำเนินธุรกิจในไตรมาส 4 ปีพ.ศ. 2564 มีรายได้รวม 1.09 พันล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 54% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา


นายธีระยุทธ กล่าวถึงสถานการณ์โดยรวมในขณะนี้ด้วยว่า เบื้องต้นมองว่าภาพรวมตลาดโรงแรมและการท่องเที่ยวยจะเริ่มกลับมาฟื้นตัวดีขึ้นในกลางปีนี้ตามลำดับ หลังจากที่ต้องได้รับผลกระทบจากโควิด-19 มา2ปีกว่าแล้วทั่วโลก แต่เมื่อมาเจอสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน จึงทำให้ต้องรอดูสถานการณ์กันต่อไปอีกว่าจะเป็นอย่างไร จะยืดเยื้อนานแค่ไหน แต่อย่างไรก็ตามบริษัทฯยังไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากกรณีสงครามนี้ โดยเฉพาะตลาดนักท่องเทียวชาวรัสเซีย เพราะถือว่าช่วงนี้เป็นจังหวะโลว์ซีซั่นของรัสเซียพอดี แต่ในตลาดอื่นของเราก็มีสถานการณ์ดีขึ้นเรื่อยๆเช่น ที่ ดูไบ กับ มัลดีฟส์ที่มีอัตราการเข้าพัก 100%
กลุ่มลูกค้ารัสเซียที่เรามีอย่ํูก็ไม่ได้มาก เช่นที่มัลดีฟส์มีประมาณ 7% เท่านั้น แต่หลักๆคือตลาดนักท่องเที่ยวชาวอินเดียมากกว่า 50%

สำหรับกรณีที่จีนเตรียมที่จะเปิดประเทศนักท่องเที่ยวจีนจะกลับมาอีกครั้งนั้น หลังจากที่่เป็นตลาดใหญ่ของไทย จีนเข้ามามากกว่า 10 ล้านคน หรือกว่า 30% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมดที่เข้าไทยแต่ละปี จากช่วงก่อนเกิดโควิด ก็น่าจะเข้ามาปลุกตลาดคึกคักได้ช่วงไตรมาสที่สามเป็นต้นไป คาดว่าปีนี้ทั้งปีบริษัทฯจะมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยที่ 40% เพิ่มจากปีที่แล้วที่ทำได้แค่ 19% เท่านั้น เพราะสถานการณ์โควิด

อีกหนึ่งกลยุทธ์ทางการตลาดที่สำคัญของเซ็นทารา คือ การปรับแผนให้สอดรับกับเทรนด์การท่องเที่ยวและพฤติกรรมของผู้บริโภคในยุควิถีชีวิตใหม่อย่างฉับไว ดังเช่นเทรนด์ปัจจุบันที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในประเทศไทย คือ workations หรือ ทำงานไปด้วย-เที่ยวไปด้วย ที่นักท่องเที่ยวนิยมมองหาสถานที่พักผ่อนและยังสามารถทำงานไปพร้อมๆ กันได้ โดยจุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากคือโรงแรมและรีสอร์ทติดชายทะเล 


โดยเซ็นทารามองว่า ในปีพ.ศ. 2565 นั้น ธุรกิจโรงแรมจะอยู่ในช่วงทยอยฟื้นตัว ทั้งจากการท่องเที่ยวในประเทศและนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่จะเดินทางเข้ามาพักผ่อนในไทยมากขึ้น อันเนื่องมาจากปัจจัยการเปิดประเทศ การได้รับวัคซีนอย่างทั่วถึง และมาตรการของรัฐที่ผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น

โดยในภาคส่วนของงานฝ่ายปฏิบัติการ เซ็นทารายังมีการลงทุนอย่างต่อเนื่องในเรื่องของการพัฒนาและนำเอาเทคโนโลยีอันล้ำสมัยเข้ามาใช้ หลังจากที่ได้ทำการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของเทคโนโลยีสารสนเทศทั้งหมดของบริษัทไปเมื่อไม่นานมานี้ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงเว็บไซต์ ระบบการบริหารจัดการโรงแรม และระบบศูนย์กลางของการจองห้องพักทั้งหมด โดยกำลังจะเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่จะนำมาใช้กับระบบการจัดการลูกค้าสัมพันธ์ในเร็วๆ นี้อีกด้วย ทั้งหมดนี้จะช่วยเสริมทำให้ระบบการขายนั้นสะดวกมากยิ่งขึ้น เสริมความแข็งแกร่งให้กับระบบดูแลจัดการลูกค้า ที่สำคัญที่สุดคือทำให้ประสบการณ์การเข้าพักของลูกค้านั้นราบรื่นในทุกๆ มิติ ทั้งยังจะตรงกับความต้องการของลูกค้ามากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ บริษัทยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาศักยภาพของพนักงาน ด้วยการจัดฝึกอบรมต่างๆ เพื่อเพิ่มความพร้อมและเสริมทักษะ อีกทั้งยังให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยมาพร้อมกับแผนระยะยาวในการลดการใช้พลังงานและทรัพยากรน้ำลงกว่า 20% ภายในระยะเวลา 10 ปี และตั้งเป้าว่าภายในปีพ.ศ. 2568 โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทาราจะต้องได้รับการรับรองประกาศนียบัตรด้านความยั่งยืนให้ครบทุกแห่งอีกด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น