ผู้จัดการรรายวัน 360 - DREIT อวดกำไรสุทธิปี 64 เติบโต 24% พร้อมจ่ายปันผลอีก 0.213 บาท/หน่วยทรัสต์
นายสานต่อ มุทธสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดุสิตธานี พร็อพเพอร์ตี้ส์ รีท จำกัด ผู้จัดการกองทรัสต์ (REIT Manager) ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดุสิตธานี (“DREIT” หรือ “กองทรัสต์”) เปิดเผยผลการดำเนินงานปี 2564 โดยกองทรัสต์มีรายได้รวมกว่า 498.72 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 397.09 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% จากระยะเวลาเดียวกันของปีที่แล้วที่มีกำไรสุทธิ 320.55 ล้านบาท
เป็นตัวเลขที่ชี้ให้เห็นถึงการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวโดยเฉพาะโครงการโรงแรมดุสิตธานี มัลดีฟส์ ที่มีนักท่องเที่ยวมาเข้าพักอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ผลการดำเนินงานของโรงแรมฯ ปรับตัวสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
นอกจากนี้ กองทรัสต์ยังสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายต่างๆ ได้ใกล้เคียงกับปีก่อนหน้า อีกทั้งฐานะทางการเงินของกองทรัสต์ฯ ยังคงมีความเข้มแข็ง แม้จะต้องเผชิญกับปัจจัยท้าทายจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยมีเงินกู้ยืมในระดับที่ต่ำ และมีความสามารถในการชำระหนี้ในระดับที่ดี และปัจจุบันกองทรัสต์ฯ มีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อสินทรัพย์รวมอยู่เพียง 22% โดยมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อกำไรก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย ดอกเบี้ย และภาษีเงินได้ (Interest bearing Debt to EBITDA Ratio) อยู่ที่ 3.92 เท่า
ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทของผู้จัดการกองทรัสต์มีมติอนุมัติจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือทรัสต์ในอัตรา 0.213 บาทต่อหน่วยทรัสต์ คิดเป็นจำนวนเงิน 151.55 ล้านบาท สอดคล้องกับนโยบายจ่ายปันผลไม่น้อยกว่า 90% ของกำไรสุทธิที่ปรับปรุงแล้ว โดยกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยทรัสต์ในวันที่ 8 มีนาคม 2565 และกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 30 มีนาคม 2565
ข้อมูลเกี่ยวกับดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล :
ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2491 ปัจจุบันดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล หรือ กลุ่มบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในประเทศไทย ที่เป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจด้านการบริการท่องเที่ยวและโรงแรม ดำเนินกิจการครอบคลุม 5 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ต ธุรกิจการศึกษา ธุรกิจอาหาร ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการต้อนรับ ธุรกิจหลักของกลุ่มได้แก่ ธุรกิจโรงแรม รีสอร์ตและวิลลาหรู ภายใต้ 6 แบรนด์ ได้แก่ ดุสิตธานี, ดุสิตเดวาราณา, ดุสิตดีทู, ดุสิตปริ๊นเซส, อาศัย และอีลิธฮาเวนส์ ในจุดหมายปลายทางชั้นนำกว่า 300 แห่งใน 16 ประเทศทั่วโลก และธุรกิจการศึกษา ซึ่งประกอบด้วย โรงเรียนสอนประกอบการทำอาหาร วิทยาลัยการโรงแรมทั้งในประเทศไทยและฟิลิปปินส์ ในขณะที่กลุ่มธุรกิจอาหาร ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจให้บริการอื่นๆ เป็นกลุ่มธุรกิจใหม่ที่บริษัทเพิ่งเริ่มกระจายการลงทุนไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตามแผนกลยุทธ์การเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว ที่ประกอบด้วย 3 ด้าน ได้แก่ การสร้างความสมดุล การเติบโต และการกระจายความเสี่ยง