ผู้จัดการรายวัน 360 - เฝ้าระวังต้นทุนพุ่ง เชื่อครึ่งปีหลังตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคโต 3-4% คาโอเปิดแผนลุยฝ่าโควิด ประกาศรีแบรนดิ้งสะท้อนวิถี Kirei (คิเรอิ) สร้างโลกที่สมบูรณ์อย่างยั่งยืน ชูวิสัยทัศน์ปี 2568 มุ่งเน้นสู่ความยั่งยืน ผ่านกลยุทธ์ ESG กับ 5 โครงการ ESG หลังปีก่อนรายได้ยังโต 1 หลัก ทะลุ 13,307 ล้านบาท
นายยูจิ ชิมิซึ ประธานกรรมการ บริษัท คาโอ อินดัสเตรียล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า เป็นระยะเวลากว่า 58 ปีที่ คาโอ ประเทศไทย อยู่เคียงข้างเพื่อเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีของคนไทย ด้วยผลิตภัณฑ์และตราสินค้าที่มีคุณค่ากว่า 10 แบรนด์ชั้นนำ เช่น แอทแทค มาจิคลีน ไฮเตอร์ ลอรีเอะ เมอร์รี่ส์ เมะกุริธึ่ม แฟซ่า ลิเซ่ บิโอเร และคิวเรล นำเสนอสินค้าคุณภาพเพื่อตอบสนองความพึงพอใจสูงสุดแก่ผู้บริโภคตาม “วิถีทางของคาโอ” ล่าสุดคาโอได้มีการ rebranding ครั้งสำคัญ ภายใต้แนวคิด “Kirei-Making Life Beautiful” สร้างสรรค์สิ่งดีเพื่อชีวิตที่สวยงาม สื่อถึงความมุ่งมั่นครั้งใหม่ในการสร้างอนาคตที่สดใสและยั่งยืนสำหรับทุกคน ผ่านแนวคิด “Kirei” เพื่อชีวิตที่สะอาดขึ้น สวยงามขึ้น และสุขภาพของผู้คนที่ดีขึ้น สังคมที่น่าอยู่ และโลกที่สดใส ด้วยนวัตกรรมที่มอบคุณค่าเคียงข้างผู้บริโภค และแนวคิดนี้ถูกนำไปปรับใช้ในทุกกระบวนการทำงานของคาโอทั้งในปัจจุบัน และอนาคต
ทั้งนี้ คาโอพร้อมเดินหน้าธุรกิจภายใต้วิสัยทัศน์ปี 2568 มุ่งเน้นสู่ความยั่งยืนผ่านกลยุทธ์ ESG ยกระดับการพัฒนาอย่างยั่งยืน กับ 5 โครงการ ESG ได้แก่ 1. ลดผลกระทบต่อภาวะโลกร้อน มุ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์อย่างยั่งยืนแก่ผู้บริโภค ลดการเกิดมลพิษต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เป้าลดการปล่อยก๊าซ CO2 จนเป็นศูนย์ ภายในปี 2583 และคาร์บอนเป็นลบภายในปี 2593
2. ลดการเกิดขยะพลาสติก ปัจจุบันโรงงานผลิตของคาโอ ประเทศไทย บรรลุเป้าหมายการทำให้ขยะที่ไปฝังกลบเป็นศูนย์ และนำกลับมา 3. โครงการ “คาโอเคียงข้างคนไทย สะอาดมั่นใจ ยิ้มได้การ์ดไม่ตก” ในช่วงการแพร่ระบาด COVID-19 คาโอได้บริจาคผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและสร้างสุขอนามัยรวมกว่า 7.36 ล้านบาท รวมกว่า 80 หน่วยงานทั่วประเทศ
4. โครงการ “จ้างวานคลีน จ้างวานข้า” กับ “มูลนิธิกระจกเงา” และ 5. โครงการ “ร่วมแรงร่วมใจ ลดป่วย ลดกระจาย ลดภัยร้ายจากไข้เลือดออก” ร่วมกับหลายหน่วยงาน
สำหรับผลประกอบการในปี 2564 บริษัทได้รุกในส่วนของอีคอมเมิร์ซมากขึ้น พบว่ามีการเติบโตถึง 200% ขณะที่ยอดขายรวมในปีที่ผ่านมาทำได้ราว 13,307 ล้านบาท โตขึ้น 1 หลัก จาก 4 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ 1. ธุรกิจการดูแลสุขอนามัยและความเป็นอยู่ 2. ธุรกิจการดูแลสุขภาพและความงาม 3. ธุรกิจเครื่องสำอาง และ 4. กลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์
ส่วนแบรนด์สินค้าที่ขายดี 5 อันดับแรก คือ แอทแทค, ลอรีเอะ, มาจิคลีน, บิโอเร และเมอร์รี่ส์ นายยูจิกล่าวด้วยว่า จากสถานการณ์ต่างๆ ที่กำลังเกิดขึ้น กังวลเรื่องต้นทุนและวัตถุดิบที่อาจมีการปรับตัวสูงขึ้น แต่เชื่อว่าครึ่งปีหลังจะกลับมาฟื้นตัวในทิศทางที่ดีได้ โดยมองว่าตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคครึ่งปีหลังจะโต 3-5%