“ทีโอเอ เพ้นท์” โชว์ยอดขาย Q4/2564 กว่า 4,672 ล้านบาท เติบโต 12% สูงสุดเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท ส่งยอดขายรวมทั้งปีแตะ 17,570 ล้านบาท โต 8% ขณะที่กำไรสุทธิ Q4/64 อยู่ที่ 473 ล้านบาท ลดลง 4% สวนทางยอดขาย และกำไรสุทธิทั้งปี 64 เป็นเงิน 1,955 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 4% ย้ำความมั่นใจพื้นฐานธุรกิจแข็งแกร่ง เติบโตได้อย่างมั่นคง มั่นใจปี 65 เติบโตไม่ต่ำกว่า 10%
นายจตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ยอดขาย Q4/64 เป็นเงิน 4,672 ล้านบาท โดยเติบโตขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนกว่า 12% เป็นผลจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายหลังการผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มโรคโควิด-19 และการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว ในขณะที่ภาพรวมยอดขายปี 2564 เป็นเงิน 17,570 ล้านบาท เติบโตขึ้น 8% แม้ว่าบริษัทฯ ต้องเผชิญกับความท้าทายในการดำเนินธุรกิจท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดที่รุนแรงของโรคโควิด-19 ด้วยพื้นฐานทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง มีการปรับตัวอย่างรวดเร็ว ผนวกกับการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาเป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนธุรกิจให้เกิดประสิทธิภาพ เสริมด้วยกลยุทธ์การสื่อสารการตลาดที่เข้าสู่แพลตฟอร์มออนไลน์อย่างครอบคลุม สอดรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป นอกจากนี้ TOA ยังมีรายได้จากการขายเคมีภัณฑ์ก่อสร้างและยิปซัมบอร์ด เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยสนับสนุนการเติบโตของยอดขาย
ในขณะที่ราคาวัตถุดิบ ต้นทุนพลังงาน และต้นทุนโลจิสติกส์ที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ยังเป็นปัจจัยกดดันอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัท ส่งผลให้กำไรสุทธิ Q4/64 เป็นเงิน 473 ล้านบาท ลดลง 4% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และกำไรสุทธิสำหรับปี 2564 เป็นเงิน 1,955 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 4% โดยบริษัทฯ ได้ปรับราคาสินค้าขึ้น 2 รอบเพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น โดยรอบแรกแล้วเสร็จในปลายไตรมาส 3 ปี 2564 และได้ทยอยปรับราคาสินค้ารอบที่สอง ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2564 ถึงเดือนมกราคม 2565 คาดว่าจะช่วยการฟื้นตัวของกำไรขั้นต้นใน Q1/65 เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม ต้นทุนการผลิตยังมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทฯ จะติดตามอย่างใกล้ชิดเพื่อวางแผนดำเนินการได้ทันต่อสถานการณ์
ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 ได้มีมติเห็นชอบเสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 25 เมษายน 2565 ในการพิจารณาอนุมัติการจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการครึ่งปีหลังของปี 2564 ในอัตราหุ้นละ 0.19 บาท และเมื่อรวมกับเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลประกอบการครึ่งปีแรกที่ได้จ่ายไปแล้วในอัตราหุ้นละ 0.31 บาท จะรวมเป็นเงินปันผลของปี 2564 ในอัตราหุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผล 51% จากกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการ
ในปี 2565 บริษัทฯ ตั้งเป้าการเติบโตของยอดขายเพิ่มขึ้น 10% โดยมุ่งขยายธุรกิจเคมีภัณฑ์ก่อสร้าง และวัสดุก่อสร้าง ควบคู่ไปกับการเป็นผู้นำตลาดสีทาอาคาร เพื่อนำเสนอสินค้าและบริการให้แก่ลูกค้าได้อย่างครบวงจร ผ่านเครือข่ายร้านค้าพันธมิตรที่แข็งแกร่งของ TOA ที่ครอบคลุมทั่วประเทศ รวมถึงเร่งการเติบโตของธุรกิจในต่างประเทศ นอกจากนี้ TOA ยังมุ่งสร้างความยั่งยืนทางธุรกิจ โดยให้ความสำคัญต่อกระบวนการผลิตและการพัฒนาสินค้าและบริการด้วยนวัตกรรมสีที่มีความปลอดภัยต่อทุกชีวิต และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (TOA Greenovation) เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม อันเป็นภารกิจสำคัญที่ TOA ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง