xs
xsm
sm
md
lg

OR อัดงบลงทุน 2 แสนล้านใน 10 ปี ตั้งเป้า EBITDA ปี 73 กว่า 4 หมื่นล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



OR อัดงบลงทุน 2 แสนล้านบาทใน 10 ปีข้างหน้า ตั้งเป้า EBITDA ทะลุ 4 หมื่นล้านบาทในปี 2573 ชี้มาจากธุรกิจนอนออยล์ 35% เท่ากับธุรกิจน้ำมัน พร้อมเร่งปิดดีลร่วมพันธมิตรทั้งใน และต่างประเทศ

นางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เปิดเผยทิศทางการดำเนินธุรกิจ 10 ปีนี้ (2565-2573) ว่า บริษัทได้ปรับทิศทางในการขับเคลื่อนธุรกิจ เพื่อสร้างการเติบโตของธุรกิจควบคู่ไปกับการเติบโตของผู้คนและสิ่งแวดล้อม โดยตั้งงบประมาณลงทุนกว่า 200,000 ล้านบาทใน 10 ปีนี้ มีเป้าหมายในปี 2573 (ค.ศ. 2030) จะมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) มากกว่า 40,000 ล้านบาท โดยกว่าร้อยละ 50 มาจากการเติบโตร่วมกับพันธมิตรของ OR

ทั้งนี้ OR จัดสรรงบลงทุน 2 แสนล้านบาทในกลุ่มธุรกิจ Mobility (น้ำมัน) สัดส่วน 35% ของงบลงทุน ธุรกิจ Lifestyle (นอน-ออยล์) 30% และงบลงทุนที่เหลือใช้ในธุรกิจ Global และธุรกิจ Innovation & New Business 35% จะเห็นได้ว่างบลงทุนส่วนใหญ่จะเน้นไปธุรกิจ Lifestyle ธุรกิจ Global และธุรกิจ Innovation เกินกว่า 50% ส่วนธุรกิจ Mobility จะใช้งบลงทุนเพื่อสร้างความแข็งแกร่งและรองรับพลังงานใหม่ซึ่งใช้เงินลงทุนไม่มาก

ทำให้สัดส่วน EBITDA ในปี 2573 มาจากธุรกิจ Mobility จากปัจจุบันมีสัดส่วน 75% ลดลงเหลือ 35% ของ EBITDA รวม ส่วนธุรกิจ Lifestyle จาก 28% เพิ่มเป็น 35% ธุรกิจ Global จากปัจจุบัน 4% เพิ่มเป็น 18% และที่เหลือมาจากธุรกิจ Innovation & New Business


นอกจากนี้ OR กำหนดวิสัยทัศน์ใหม่ คือ “เติมเต็มโอกาส เพื่อทุกการเติบโต ร่วมกัน” หรือ "Empowering All Toward Inclusive Growth" ซึ่งจะเป็นทิศทางในการดำเนินธุรกิจของ OR รวมทั้งตั้งเป้าหมายในปี 2573 ใน 3 ด้าน คือ 1. การยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของชุมชน (Living Community) ครอบคลุมทั้งในพื้นที่ที่ OR ดำเนินธุรกิจและชุมชนรอบพื้นที่ธุรกิจ มากกว่า 15,000 ชุมชน, 2. การสร้างสิ่งแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์ (Healthy Environment) ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ตั้งเป้าบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon-Neutrality) ภายในปี 2573 และ 3. การสร้างการเติบโต สร้างอาชีพ และการกระจายความมั่งคั่ง (Economic Prosperity) ผ่านการเติบโตโดยการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจ (Partnership) เป็นหลัก

นอกจากนี้ การเติบโตรูปแบบใหม่ของ OR จะเป็นการเติบโตแบบ Outside-In หรือการเติบโตโดยการเข้าไปร่วมมือกับธุรกิจที่สร้างจากพันธมิตรภายนอก สนับสนุนกันและกันผ่านการใช้ Asset ของ OR ที่มีอยู่ไม่ว่าจะเป็นทางกายภาพ (Physical) ทางดิจิทัล (Digital) ตลอดจนความสามารถในการขยายธุรกิจให้เติบโต (Scalability) เช่น การบริหารงานแบบมืออาชีพ ความเชี่ยวชาญด้านการตลาด การขยายฐานลูกค้า และการต่อยอดความเชื่อมั่นที่ผู้บริโภคมีต่อแบรนด์ของ OR โดย OR ต้องการสร้างจุดยืนที่ชัดเจนในการเป็น Inclusive Growth Platform เพื่อรองรับการเติบโตร่วมกับพันธมิตร


นางสาวจิราพรกล่าวว่า บริษัทยังแสวงหาพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศเพื่อสร้างการเติบโตร่วมกันในรูปแบบ Inclusive Growth Platform ที่จะนำไปสู่การเติบโตร่วมกันทั้งระบบนิเวศ ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีการลงทุนในต่างประเทศแล้ว 10 ประเทศ มีเป้าหมายจะเพิ่มเป็น 20 ประเทศภายในปี 2573 เน้นการลงทุนในประเทศที่มีประชากรจำนวนมาก และมีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดี เช่น ประเทศอินเดีย อินโดนีเซีย รวมทั้งประเทศตะวันออกกลางที่ OR ได้ให้มาสเตอร์แฟรนไชส์ร้านคาเฟ่ อเมซอนที่ประเทศโอมาน รวมทั้งขยายการลงทุนเพิ่มเติมในจีนที่มีการลงทุนธุรกิจน้ำมันหล่อลื่นและร้านคาเฟ่ อเมซอน เป็นต้น

ส่วนการหาพันธมิตรในไทยนั้น ขณะนี้ OR ได้มีการเจรจาเพื่อร่วมทุน หรือการควบรวมกิจการ (M&A) หลายโครงการ ไม่ว่าจะอยู่ในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ธุรกิจท่องเที่ยว และธุรกิจสุขภาพอนามัย คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในปีนี้

“วันนี้ OR พร้อมที่จะเปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจเข้ามาเป็นพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน และในขณะเดียวกันก็สามารถเติมเต็มความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างครบครัน ตอบโจทย์การชีวิตในทุกรูปแบบ ตลอด 24 ชั่วโมง ที่สำคัญ OR จะไม่ได้เป็นเพียงธุรกิจที่มุ่งเน้นแสวงหากำไร แต่ยังเป็นอีกเสาหลักของสังคมในยุคนี้ ที่ไม่ได้มองว่าผู้คนเป็นแค่ส่วนหนึ่งของการทำธุรกิจ แต่ล้วนเป็นชีวิตที่เราอยากให้เติบโตไปด้วยกัน”


กำลังโหลดความคิดเห็น