GPSC ตั้งเป้าปี 65 เติบโตตามการฟื้นตัวเศรษฐกิจทำให้การใช้ไฟฟ้าและไอน้ำเพิ่มขึ้น พร้อมขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มอีก 500 เมกะวัตต์ มาจากโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มในอินเดีย และไทย
นางศิโรบล บุญถาวร ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการเงินองค์กรและนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่จำกัด (มหาชน) (GPSC) เปิดเผยว่า ในปี 2565 บริษัทคาดว่าผลการดำเนินงานจะเติบโตขึ้น เนื่องจากความต้องการใช้ไฟฟ้าและไอน้ำของลูกค้าอุตสาหกรรมโตขึ้น 7% และไอน้ำ 2% ตามลำดับตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ขณะที่โรงไฟฟ้าโกลว์พลังงาน ระยะที่ 5 จะกลับมาเดินเครื่องตามปกติในช่วงปลายเดือน ก.พ.หรือต้นมี.ค.นี้ ส่งผลให้มาร์จิ้นของบริษัทสูงขึ้น
บริษัทยังตั้งเป้าจะรับรู้มูลค่า Synergy จากการควบรวมกิจการสุทธิหลังภาษีที่ประมาณ 1,600 ล้านบาทต่อปี โดยในปี 2564 ที่ทำได้จำนวน 1,633 ล้านบาท ส่วนใหญ่ได้รับจากการบริหารจัดการการผลิตและใช้โครงข่ายไฟฟ้าและไอน้ำร่วมกัน ทำให้สามารถบริหารต้นทุนการผลิตและการขยายฐานลูกค้า เป็นต้น
นอกจากนี้ ในปี 2565 บริษัทตั้งเป้าหมายเพิ่มพอร์ตกำลังการผลิตไฟฟ้าขึ้น 500 เมกะวัตต์ (MW) จากสิ้นปี 2564 มีกำลังผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้น 7,122 เมกะวัตต์ มาจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Power Platform) ของบริษัท Avaada Energy Private Limited (Avaada) ในประเทศอินเดีย ซึ่ง GPSC ถือหุ้นในสัดส่วน 41.6% ใน Avaada และยังมีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดเล็กในไทย
ทั้งนี้ บริษัท Avaada ดำเนินโครงการโซลาร์ฟาร์มแพลตฟอร์มในประเทศอินเดีย มีโครงการโรงไฟฟ้าทั้งที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) แล้วและอยู่ระหว่างการก่อสร้าง รวมทั้งสิ้น 4,600 เมกะวัตต์ โดย Avaada มีเป้าหมายที่จะเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าจาก 4,600 เมกะวัตต์เป็น 11,000 เมกะวัตต์ในปี 2568 ทำให้ในอนาคตบริษัทรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าที่อินเดียอย่างมีนัย
บริษัทยังมีแผนต่อยอดการพัฒนาธุรกิจในด้านต่างๆ เช่น การเพิ่มกำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียน เพื่อตอบสนองนโยบายภาครัฐในเรื่องของพลังงานสะอาดและแผน PDP ประเทศ, เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในธุรกิจแบตเตอรี่, เชื่อมโยงเรื่องของ EV Value Chain รองรับนโยบายการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศ และการจัดตั้งสำนักงานของ GPSC ในอินเดียเพื่อสร้างความสัมพันธ์กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและพาร์ตเนอร์ต่างๆ รวมทั้งหาโอกาสขยายการลงทุนในอินเดียต่อไป รวมทั้งแสวงหาโอกาสการลงทุนในประเทศเป้าหมายอื่น ทั้งไต้หวัน และเวียดนาม
นางศิโรบลกล่าวว่า บริษัทตั้งงบลงทุน 5 ปีอยู่ที่ 60,000 ล้านบาท โดยปีนี้จะใช้งบลงทุน 30,986 ล้านบาท ใช้ในการลงทุนธุรกิจหลักรวมทั้งโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่ง กำลังผลิต 595 เมกะวัตต์ที่ไต้หวัน โดย GPSC จะเข้าถือหุ้น 25% ส่วนปี 2566 เงินลงทุนจะเน้นการลงทุนโครงการ SPP Replacement และปีถัดไปจะเป็นการลงทุนโครงการผลิตไฟฟ้าและไอน้ำ (ERU) ตลอดจนการลงทุน S-Curve และธุรกิจแบตเตอรี่ (ESS)
ปัจจุบันบริษัทมีโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา ประกอบด้วย โครงการ Energy Recovery Unit (ERU) มีความคืบหน้าในการก่อสร้างไปแล้ว 75% กำหนดจ่ายไฟเชิงพาณิชย์ (COD) ในปี 66, โครงการ SPP Replacement อยู่ระหว่างการก่อสร้างโครงการแรก คือ Glow Energy ระยะที่ 2 มีความคืบหน้าแล้ว 63% คาดจะ COD ได้ในไตรมาส 4/65, โครงการ Solar Power Platform ในอินเดีย (GPSC ถือ 41.6%) กำลังการผลิตรวม 4,600 เมกะวัตต์ COD ไปแล้ว 2,200 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างการก่อสร้างในส่วนที่เหลืออีก 2,400 เมกะวัตต์ คาดจะ COD ได้ในปี 65-66 โครงการพลังงานลมนอกชายฝั่งในไต้หวัน คาดว่าจะดำเนินการโอนหุ้นแล้วเสร็จในครึ่งปีแรกนี้ และจะเริ่มการก่อสร้าง คาดว่าจะ COD ได้ในปี 67