xs
xsm
sm
md
lg

CKP โกยรายได้เฉียดหมื่นล้าน กำไรพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"ซีเค พาวเวอร์" ปี 64 กวาดรายได้ 9,335 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 2,157.2 ล้านบาท หรือ 30.1% และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 2,179.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,774.3 ล้านบาท หรือ 438.4% ผลดีจากการขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำงึม 2 และโรงไฟฟ้าบางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น แถมมีรายได้ค่าบริหารโครงการที่เพิ่มสูง ส่งผลให้กำไรสุทธิงวดสิ้นปีพุ่งเพราะส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนจากทุกโครงการ เป็นการสร้างกำไรสุทธิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ปี 65 ตั้งงบลงทุน 2,600 ล้านบาท พัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำแห่งใหม่ใน สปป.ลาว และลงทุนเพิ่ม

นายธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKP เปิดเผยว่า ในปี 2564 CKP สามารถทำรายได้รวมและสร้างกำไรสุทธิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยมีรายได้รวม 9,334.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2563 จำนวน 2,157.2 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 30.1 และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 2,179.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2563 จำนวน 1,774.3 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 438.4

ทั้งนี้ ปัจจัยหลักที่ทำให้รายได้ในปี 2564 เพิ่มขึ้นมาจากรายได้จากการขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำงึม 2 และโรงไฟฟ้าบางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 98.9 และ ร้อยละ 5.4 ตามลำดับ นอกจากนี้ ยังมีรายได้ค่าบริหารโครงการที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 74.1 สาเหตุหลักมาจากการเริ่มรับรู้รายได้ค่าบริหารโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำแห่งใหม่ ใน สปป.ลาว ตั้งแต่ในไตรมาสที่ 4/2563

สำหรับกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นในปี 2564 มาจากการเติบโตของรายได้จากการขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำงึม 2 และส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนที่ส่วนใหญ่มาจากกำไรสุทธิของโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี ที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากมีปริมาณน้ำไหลผ่านเฉลี่ยในปี 2564 เพิ่มขึ้นจากปี 2563 ถึง 20.0% นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายทางการเงินของโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี ในปี 2564 ลดลงจากการทยอยชำระคืนเงินต้นและอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับปี 2563 และนอกจากนี้ CKP ยังเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี จาก 37.5% เป็น 42.5% ทำให้การรับรู้ส่วนแบ่งกำไรเพิ่มขึ้นอีกด้วย

นายธนวัฒน์ กล่าวว่า ผลการดำเนินงานของ CKP ในปี 2564 ถือเป็นสถิติใหม่ทั้งในด้านรายได้รวมและกำไรสุทธิ โดยปริมาณการผลิตไฟฟ้าที่เติบโตขึ้นของโรงไฟฟ้าทุกแห่ง และการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ผลการดำเนินงานในปี 2564 เติบโตขึ้นได้ดีกว่าที่บริษัทคาดการณ์ไว้ พิสูจน์ให้เห็นว่าแนวทางการบริหารงานของบริษัทสามารถสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้เสียได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากการสร้างผลตอบแทนที่เหมาะสมให้ผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วนแล้ว CKPower ยังมุ่งมั่นที่จะเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค และมีระดับคาร์บอน ฟุตพรินต์ (Carbon Footprint) ต่ำที่สุดรายหนึ่ง เพื่อสนับสนุนเป้าหมายของประเทศไทยที่ต้องการมุ่งสู่สังคมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Greenhouse Gas Emissions) ภายในปี พ.ศ.2608

“ในปี 2565 CKP วางแผนลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) ทั้งในประเทศไทยและในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยตั้งงบลงทุนสำหรับปี 2565 จำนวน 2,600 ล้านบาท เพื่อเพิ่มทุนตามสัดส่วนในการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำแห่งใหม่ใน สปป.ลาว และลงทุนเพิ่มเติมในโครงการอื่นๆ ซึ่งกำลังการผลิตติดตั้งใหม่ทั้งหมดที่บริษัทลงทุนจะมาจากพลังงานหมุนเวียน ได้แก่ พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานน้ำ และพลังงานลม เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายกำลังการผลิตติดตั้งของบริษัทที่ 4,800 เมกะวัตต์ ภายในปี 2567 และเพิ่มสัดส่วนกำลังการผลิตจากพลังงานหมุนเวียนให้ไม่ต่ำกว่า 95% ของกำลังการผลิตรวมของบริษัท” นายธนวัฒน์ กล่าว

นอกจากนี้ ในปี 2565 CKPower มีแผนขับเคลื่อนธุรกิจอย่างยั่งยืนในมิติสังคมและสิ่งแวดล้อมทั้งในประเทศไทย และ สปป.ลาว ด้วยหลักการ “ร่วมคิด ร่วมลงมือทำ ร่วมพัฒนาความเป็นอยู่ที่ดีของชุมชนและสังคม” ผ่านกิจกรรมเพื่อสังคมที่สร้างการมีส่วนร่วมของพนักงานกับชุมชน โดยมีกิจกรรมในประเทศไทย เช่น การวางแผนพัฒนาพื้นที่วัดนาห้วย อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ด้วยการปรับปรุงระบบระบายน้ำ วางแผนติดตั้งโซลาร์เซลล์บนหลังคา เพื่อส่งต่อแนวทางการพัฒนาด้วยรูปแบบความพอเพียงและยั่งยืน ส่วนกิจกรรมเพื่อสังคมใน สปป.ลาว ได้แก่ โครงการพัฒนาโรงเรียนอนุบาลหินหัวเสือ แขวงไซสมบูน สปป.ลาว เพื่อพัฒนาการศึกษาโดยรอบพื้นที่โรงไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำงึม 2 ด้วยการสร้างและปรับปรุงอาคารเรียน ระบบไฟฟ้า ห้องน้ำ สนามเด็กเล่น และพื้นที่ต่างๆ ในโรงเรียน พร้อมการสนับสนุนการเข้าถึงน้ำดื่มที่สะอาดด้วยการติดเครื่องกรองน้ำจากพลังแสงอาทิตย์ และโครงการผลิตปุ๋ยจากขยะมูลฝอยที่โรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี โดยนำขยะประเภทเศษอาหารมาทำเป็นปุ๋ยหมักสำหรับทดลองใช้เพาะปลูกพืช และจะนำไปถ่ายทอดองค์ความรู้ให้แก่ชุมชนโดยรอบโรงไฟฟ้าต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น