สนข.เร่งร่าง พ.ร.บ.บริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ.ชงครม. คาดใช้ปลายปี 65 เผยสูตรโครงสร้างแบ่งค่าแรกเข้าและค่าโดยสาร เดินทางข้ามระบบระยะทางไม่เกิน 25 กม.เพดานสูงสุดไม่เกิน 42 บาทมากกว่า 25 กม.ขึ้นไปคุมไม่เกิน 65 บาท
นางวิไลรัตน์ ศิริโสภณศิลป์ รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการจัดสัมมนา ครั้งที่ 2 “โครงการศึกษาจัดทำแผนการกำกับการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม” ว่า ที่ผ่านมา สนข. ได้ดำเนินการจัดสัมมนาครั้งที่ 1 เพื่อแนะนำโครงการฯ และจัดการประชุมกลุ่มเป้าหมาย (Focus Group) ไปแล้ว จำนวน 4 ครั้ง ในหัวข้อเรื่องต่าง ๆ ได้แก่ 1. โครงสร้างอัตราค่าโดยสารร่วมที่เหมาะสม 2. แนวทางการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมทางการเงินในระบบตั๋วร่วมที่เหมาะสม 3. ความต้องการทางฟังก์ชัน (Functional Requirement) ของระบบตั๋วร่วม และ 4. แนวทางการจัดทำร่างกฎหมายว่าด้วยการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วมที่เหมาะสมสำหรับประเทศไทย รวมทั้งได้จัดการประชุมรับฟังความคิดเห็นต่อร่างพระราชบัญญัติการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. ....
ซึ่งผลที่ได้จากการสัมมนาและการประชุมที่ผ่านมา สนข.ได้นำไปปรับปรุงผลการศึกษาที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการปรับปรุงร่างพระราชบัญญัติการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วมดังกล่าว ซึ่งขณะนี้ผลการศึกษาใกล้สมบูรณ์แล้วในเชิงเทคนิค ทั้งอัตราค่าโดยสารร่วม และเทคโนโลยี โดยสิ่งที่ต้องดำเนินการต่อ คือ การผลักดันกฎหมายเพื่อรองรับการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ร่วมกับแนวทางการพัฒนาด้านต่างๆ เพื่อให้ระบบตั๋วร่วมเกิดความยั่งยืนต่อไป
โดยการสัมมนาครั้งนี้ได้มีการนำเสนอสรุปความคืบหน้าของผลการศึกษาจัดทำแผนการกำกับการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม เพื่อให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาร่วมกันเสนอข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์สำหรับนำมาประยุกต์ใช้ในการปรับปรุงผลการศึกษาฯ โดยมีผลลัพธ์หลักที่สำคัญ ประกอบด้วย 1. โครงสร้างอัตราค่าโดยสารร่วม/อัตราค่าโดยสารเดียว และอัตราค่าธรรมเนียมทางการเงินในระบบตั๋วร่วม 2. แผนการลงทุนและการพัฒนาระบบตั๋วร่วม (การจัดหารูปแบบเงินทุนเพื่อนำมาใช้ในการชดเชยรายได้จากค่าโดยสารร่วมและสนับสนุนการดำเนินการพัฒนาระบบตั๋วร่วม) 3. แผนพัฒนาระบบฐานข้อมูลการเดินทางและค่าโดยสาร 4. ร่างกฎหมายในการกำกับการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม (ร่างพระราชบัญญัติการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. ....) 5. แผนการกำกับการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม และ 6. แผนและแนวทางการติดตามประเมินผล ทั้งนี้ เพื่อให้การกำกับการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วมมีประสิทธิผลและสามารถขับเคลื่อนไปสู่การปฏิบัติได้จริงต่อไป
ทั้งนี้ ที่ปรึกษาได้นำเสนอโครงสร้างอัตราค่าโดยสารร่วม สูตรจาก MRT Assessment Standardization จาก ADB ซึ่งโครงสร้างอัตราค่าโดยสารในปี 2562 (ใช้ปี พ.ศ. 2544 เป็นปีฐานและปรับราคาตาม CPI Non-Food and Beverages) มีค่าแรกเข้าเริ่มต้น 11.87 บาท อัตราค่าโดยสารต่อ กม. 2.14 บาท, ปี 2565 มีค่าแรกเข้าเริ่มต้น 14 บาท อัตราค่าโดยสารต่อ กม. 2.15 บาท, ปี 2570 มีค่าแรกเข้าเริ่มต้น 14.73 บาท อัตราค่าโดยสารต่อกม. 2.26 บาท, ปี 2575 มีค่าแรกเข้าเริ่มต้น 15.50 บาท อัตราค่าโดยสารต่อ กม. 2.37 บาท, ปี 2580 มีค่าแรกเข้าเริ่มต้น 16.30 บาท อัตราค่าโดยสารต่อ กม. 2.50 บาท
ขณะที่มีข้อเสนอโครงสร้างค่าโดยสารร่วมแบบมีเพดานสูงสุด 2 ขั้น เพื่อให้สอดคล้องกับโครงสร้างค่าโดยสารระบบรถไฟฟ้าในปัจจุบัน โดยกำหนด 25 กม.แรกมีเพดานสูงสุด 42 บาท และกรณีมีความยินดีที่จะจ่ายค่าโดยสารเฉลี่ย 65 บาท/เที่ยว จึงกำหนดเป็นเพดานค่าโดยสารครั้งที่ 2 สำหรับผู้โดยสารที่เดินทางระยะไกล
ส่วนแนวทางการจัดสรรรายได้ค่าโดยสารร่วม จากโครงสร้างค่าแรกเข้า+ค่าโดยสารตามระยะทาง โดยนำค่าแรกเข้ามาเฉลี่ยตามจำนวนระบบที่ผู้โดยสารมีการเดินทาง ส่วนค่าโดยสารแบ่งตามสัดส่วนของระยะทางที่เดินทางในแต่ละระบบ
ทั้งนี้ ตามไทม์ไลน์ขั้นตอนการจัดทำร่างพ.ร.บ.การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วมพ.ศ.... นั้น หลังจากนี้ ในช่วงเดือน มี.ค.จะนำเสนอร่างกฎหมายและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการจัดทำร่างฯ พ.ร.บ.ตั๋วร่วม ช่วง มี.ค.-พ.ค. นำเสนอกรมบัญชีกลางและคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเพื่อขอจัดตั้งกองทุน ช่วง มิ.ย.เสนอ ครม.พิจารณา หลังจากนั้น เป็นขั้นตอนการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ประมาณเดือนก.ย. นำเสนอร่างเข้าสู่การพิจารณารัฐสภา คาดว่าประกาศราชกิจจานุเบกษาได้ในปี 2565


