PTTGC โชว์กำไรปี 2564 พุ่งแตะ 4.49 หมื่นล้านบาท สูงกว่าปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 199 ล้านบาท เป็นผลจากรายได้จากการขายเติบโตขึ้น 43% รับรู้กำไรจากการขายหุ้น GPSC และกำไรสต๊อกน้ำมันกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท บอร์ดฯ อนุมัติจ่ายปันผลงวดปี 2564 หุ้นละ 3.75 บาท
นายคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (PTTGC) เปิดเผยผลประกอบการปี 2564 ว่าบริษัทมีกำไรสุทธิ 44,982.38 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 199.61 ล้านบาท
ปี 2564 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายรวม 465,128 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 43 เกิดจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจทำให้ราคาขายปรับเพิ่มขึ้นในทุกผลิตภัณฑ์ เนื่องจากการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ทั่วโลกหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 คลี่คลาย โดยในปี 2564 บริษัทมีกำไรจากการดำเนินงาน (ไม่รวมกำไรจากสต๊อกน้ำมันและขาดทุนจากการปรับมูลค่าสุทธิที่จะได้รับฯ) อยู่ที่ 31,347 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้ามากกว่าร้อยละ 200 โดยถึงแม้สถานการณ์โดยรวมจะปรับตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้น บริษัทฯ ยังคงดำเนินมาตรการต่างๆ ทั้งการดำเนินการประหยัดค่าใช้จ่ายและลดต้นทุนการผลิตรวมถึงความพยายามในการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ในปี 2564 บริษัทฯ มี Adjusted EBITDA อยู่ที่ 55,186 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 93 จากปีก่อนหน้า
ทั้งนี้ บริษัทฯ รับรู้ผลกำไรจากสต๊อกน้ำมันและรายการขาดทุนจากการปรับมูลค่าสุทธิที่จะได้รับของสินค้าคงเหลือให้เท่ากับมูลค่าสุทธิที่จะได้รับ (Stock Gain Net NRV) เป็นกำไรรวม 5,955 ล้านบาท ผลขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์เพื่อประกันความเสี่ยง 1,440 ล้านบาท ผลขาดทุนทางบัญชีจากอัตราแลกเปลี่ยน 4,765 ล้านบาท การรับรู้รายการพิเศษจากการขายหุ้น GPSC เป็นเงิน 11,834 ล้านบาทและได้มีการจัดประเภทเงินลงทุนส่วนที่เหลือเป็นเงินลงทุนในสินทรัพย์ทางการเงินไม่หมุนเวียน ซึ่งมีกำไรจากการรวมมูลค่ายุติธรรมใหม่ 10,565 ล้านบาท ผลจากการปรับโครงสร้างการลงทุนบริษัท Emery สุทธิกับการด้อยค่าสินทรัพย์รวมเป็นขาดทุน 1,633 ล้านบาท การรับรู้การด้อยค่าของเงินลงทุนในบริษัทร่วมค้า 1,886 ล้านบาท และตั้งสำรองค่าเสียหายคดีความของบริษัทย่อย 444 ล้านบาท
ดังนั้น คณะกรรมการบริษัทฯ เห็นชอบการจ่ายเงินปันผลสำหรับปี 2564 ในอัตราหุ้นละ 3.75 บาท คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผลร้อยละ 37 เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิตามงบการเงินรวม ซึ่งบริษัทฯ ได้จ่ายเป็นเงินปันผลระหว่างกาลไปเมื่อวันที่ 22 กันยายน 2564 ในอัตราหุ้นละ 2.00 บาท คิดเป็นเงินประมาณ 8,973 ล้านบาท คงเหลือเงินปันผลที่จะจ่ายเพิ่มในอัตราหุ้นละ 1.75 บาท และกำหนดวันประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2565 ในวันที่ 4 เมษายน 2565
นายคงกระพันกล่าวว่า บริษัทคาดการณ์แนวโน้มราคาน้ำมันดิบดูไบในปีนี้อยู่ที่เฉลี่ย 79-84 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เนื่องจากการเติบโตของความต้องการใช้น้ำมันโลกในปี 2565 เพิ่มขึ้น 3.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากปริมาณความต้องการใช้ในปี 2564 อยู่ที่ 99.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน