ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาโลกได้เผชิญหน้ากับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Covid-19) อย่างหนักหน่วง จนกระทบต่อเศรษฐกิจระดับมหภาค หลายธุรกิจต้องหยุดชะงัก หรือบ้างก็ปิดกิจการไปเลย และ “ธุรกิจพลังงาน” (น้ำมันเชื้อเพลิง) เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ได้รับผลกระทบเช่นกัน
จากผลการสำรวจก่อนหน้านี้ พบว่าภาพรวมการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศไทยเฉลี่ยต่อวันในรอบ 10 เดือนของปี 2564 (มกราคม-ตุลาคม) ที่ผ่านมาลดลงร้อยละ 5.1 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ขณะที่ภาพรวมการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในปี 2563 ลดลงร้อยละ 12.5 ถือเป็นการลดลงต่อเนื่อง หลังจากที่โลกต้องเจอกับพิษโควิดในหลายระลอก
นายชัยฤทธิ์ สิมะโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซัสโก้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ตลอดเวลากว่า 2 ปีมานี้ การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจของซัสโก้ (SUSCO) ทำให้ยอดขายน้ำมันเชื้อเพลิงในธุรกิจของซัสโก้ลดลงตามสภาวการณ์ โดยเฉพาะช่วงปีแรกที่ปิดประเทศ ในส่วนของธุรกิจน้ำมันเครื่องบินหายไปถึงร้อยละ 90 เลยทีเดียว
ทั้งนี้ รายได้ของซัสโก้ และบริษัทย่อยตลอดปี 2564 รวมอยู่ที่ประมาณ 18,000 ล้านบาท ในขณะที่เมื่อเทียบกับปี 2563 ซัสโก้มีรายได้รวมอยู่ที่ 16,778 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 218 ล้านบาท ลดลงจากปี 2562 ที่มีรายได้ 28,144 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิจำนวน 388 ล้านบาท นับว่าปีที่ผ่านมาซัสโก้ยังสามารถบริหารจัดการธุรกิจให้ผ่านพ้นช่วงวิกฤต COVID-19 ไปได้ โดยหวังว่าสภาพเศรษฐกิจในประเทศจะค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้น และกลับสู่สภาพเดิม เพื่อให้เป้ารายได้เท่ากับ ที่เคยได้รวมปีละ 30,000 ล้านบาท
——เตรียมทุ่มเงิน 400 ล้านบาทขยายธุรกิจ
ปัจจุบัน ซัสโก้มีธุรกิจแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ กลุ่มธุรกิจน้ำมันเชื้อเพลิง (Oil) ประกอบด้วย 3 หมวดธุรกิจใหญ่ๆ คือ ธุรกิจน้ำมันค้าปลีก, ธุรกิจค้าส่งทั้งในประเทศและต่างประเทศ, ธุรกิจน้ำมันเครื่องบิน และกลุ่มธุรกิจนอนออยล์ (Non-Oil) ประกอบด้วย ธุรกิจให้เช่าพื้นที่สถานีจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิง และ ธุรกิจแฟรนไชส์ร้านสะดวกซื้อ Lawson 108 โดยปีนี้ซัสโก้มีแผนธุรกิจที่จะทุ่มงบประมาณเป็นจำนวนเงินกว่า 400 ล้านบาท เพื่อใช้ในการขยายสถานีจำหน่ายน้ำมัน รวมไปถึงธุรกิจอื่นๆ ทั้งในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลอย่างต่อเนื่อง
นายชัยฤทธิ์บอกด้วยว่า ซัสโก้กำลังมีแผนขยายสถานีบริการน้ำมันในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ภายในปี 2565 เพิ่มอีกประมาณ 15-20 แห่ง รวมถึงจะมีการปรับปรุงสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงอีกราว 30 แห่ง จากสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงทั้งหมดทั่วประเทศ 252 สถานี แบ่งเป็น ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล 100 สถานี นอกจากนี้ ซัสโก้ยังมีแผนร่วมทุนธุรกิจกับพันธมิตร เช่น การเปิดร้านกาแฟสตาร์บัค 3 แห่ง, ร้าน KFC 5 แห่ง และร้านสะดวกซื้อ Lawson 108 อีก 5 แห่ง ตามจำนวนสถานีบริการน้ำมันซัสโก้ที่จะเปิดใหม่เพิ่มเติมภายในปีนี้
---เตรียมผุด SUSCO Square จำนวน 2 แห่ง มุ่งรองรับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภครุ่นใหม่
ยิ่งไปกว่านั้น ซัสโก้ยังมีแผนที่จะเปิดให้บริการ SUSCO Square (ซัสโก้ สแควร์) อีกหนึ่งธุรกิจ เพื่อเติมเต็มไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ และเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทฯ โดย นายชัยฤทธิ์ให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า “SUSCO Square จะมีลักษณะคล้ายกับมินิมอลล์ ภายในพื้นที่ จะประกอบไปด้วยสถานีบริการน้ำมันขนาดย่อม สัดส่วน 30% แล้วมีร้านอาหารและร้านค้าประเภทต่างๆ จำนวนสัดส่วน 70% เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคตามไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปอย่างครบครัน สอดรับกับแนวคิดของซัสโก้ คือ SUSCO Fuel Your Day หรือ “ซัสโก้ เติมพลังให้วันของคุณ” สำหรับ SUSCO Square จะเปิดให้บริการในเร็วๆ นี้จำนวน 2 แห่ง ตั้งอยู่ในย่าน ศรีนครินทร์ และพุทธบูชา เช่นเดียวกับนโยบาย Net Zero Emission หรือการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ซัสโก้ให้ความสำคัญอย่างมาก ซึ่งปีนี้ซัสโก้ตั้งเป้าจะติดตั้งหลังคาโซลาร์เซลล์ให้กับสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงของซัสโก้เพิ่มอีก 10 แห่งหลังจากที่ดำเนินการไปแล้วก่อนหน้านี้ 10 แห่ง เพื่อให้เป็นไปตามแผนระยะกลางที่จะติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ที่ 50 แห่ง เพื่อเป็นการผลิตกระแสไฟฟ้าใช้เองภายในสถานีบริการน้ำมัน ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนค่าไฟฟ้าของแต่ละสถานีบริการน้ำมัน และให้เป็นไปตามนโนบายการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศ
——ขยายธุรกิจ เชื่อมพันธมิตร
นายชัยฤทธิ์กล่าวด้วยว่า การลงทุนดังกล่าวเป็นแผนธุรกิจที่บริษัทวางไว้อยู่แล้ว และด้วยซัสโก้เป็นเจ้าของที่ดินเองก็อยากจะทำพื้นที่มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ขณะเดียวกัน การลงทุนดังกล่าวยังทำให้ซัสโก้ได้พันธมิตรทางธุรกิจเพิ่มขึ้นด้วย และเชื่อว่าจะเป็นโอกาสที่ดีของบริษัท เนื่องจากในช่วงวิกฤตโควิด ร้านค้าหลายแห่งพยายามวิ่งหนีออกจากศูนย์การค้า แล้วมองหาจุดรีเทลที่มีศักยภาพ และประจวบเหมาะกับที่ซัสโก้มีทำเลเหมาะสมหลายแห่ง ทำให้เกิดความร่วมมือระหว่างซัสโก้กับพันธมิตรทางธุรกิจไปพร้อมกัน
สำหรับ ซัสโก้ มองภาพในอนาคตของธุรกิจน้ำมันว่า ยุคต่อไปจากนี้การทำธุรกิจสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงอย่างเดียวอาจจะทำให้ผู้ประกอบการเหนื่อยมากขึ้น การให้ความร่วมมือกับพันธมิตรทุกธุรกิจ จึงเป็นการเตรียมความพร้อมเพื่อให้สามารถรองรับธุรกิจในวันข้างหน้าได้ดียิ่งขึ้น หลังจากที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ผ่านพ้นไป ในขณะเดียวกัน ซัสโก้ยังให้ความสำคัญต่อเรื่องพลังงานทดแทนคือ ธุรกิจ EV ที่เชื่อว่าจะต้องมามีบทบาทในอนาคตอันใกล้อย่างแน่นอน โดยขณะนี้ซัสโก้ มีสถานีชาร์จไฟฟ้าเพื่อรองรับรถยนต์ EV หรือรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าจำนวน 20 แห่ง และยังมีแผนขยายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่เป็นจุดชาร์จไฟสำหรับรถยนต์ EV เพิ่มเติมอีก 20 แห่ง ซึ่งเน้นเปิดให้บริการในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลเป็นหลัก
——มุ่งขยายฐานสมาชิก SUSCO SMART MEMBER
ขณะที่ซัสโก้มุ่งมั่นที่จะสร้างฐานลูกค้าทั่วประเทศ โดยเปิดรับสมาชิก SUSCO Smart Member ที่จะได้รับความคุ้มค่าสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นการรับข่าวสาร การสะสมแต้มแลกของรางวัล และการลุ้นรับโชคใหญ่ ที่จะมีการนำเสนอให้กับสมาชิกตลอดทั้งปี อย่างเช่นในช่วงเดือนธันวาคม 2564-มกราคม 2565 ที่ผ่านมา ได้จัดกิจกรรมชิงรางวัล ในแคมเปญ “SUSCO Fuel Your Day เฮทุกสัปดาห์” เพื่อมอบโชคให้ลูกค้าที่เป็นสมาชิก SUSCO Smart Member ได้ลุ้นรับ iPhone 13 Pro Max 128 GB ซึ่งจะแจกทุกสัปดาห์ สัปดาห์ละ 1 เครื่อง รวม 8 เครื่องมูลค่าสูงถึง 343,200 บาท เพียงนำคะแนนสะสม SUSCO Smart Member จำนวน 9 คะแนน แลกรับสิทธิ์ลุ้นรางวัล โดยสามารถส่งสิทธิ์ได้สะดวกผ่าน LINE Official Account : @SUSCO ซึ่งผลตอบรับค่อนข้างดี สมาชิกเข้าร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมากและส่งเสริมยอดขายได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ ปัจจุบัน ซัสโก้มีสมาชิก SUSCO Smart member จำนวน 1.4 ล้านรายทั่วประเทศ
วิธีการสมัครสมาชิก SUSCO Smart Member สามารถสมัครได้ที่สถานีบริการน้ำมันซัสโก้ ทุกสาขาทั่วประเทศ เพียงแจ้งหมายเลขโทรศัพท์มือถือแก่พนักงาน จากนั้นเพิ่มเพื่อนใน LINE Official Account : @SUSCO ก็จะพบกับโปรโมชัน และสิทธิประโยชน์มากมาย หลังจากเป็นสมาชิก SUSCO Smart Member แล้วก็ไม่ต้องพกบัตรสมาชิกอะไรเลย เพราะเวลามาใช้บริการแล้วต้องการสะสมคะแนน เพียงแค่แจ้งเบอร์โทรศัพท์มือถือที่ใช้สมัครได้เลย ง่ายๆ แค่นี้เอง ไม่ต้องยื่นบัตร ไม่ต้องเปิดแอปฯ สะดวกกว่าแถมยังปลอดภัยอีกด้วย
—-ราคาน้ำมันโลก “พุ่งสูง” แน่ปีนี้
จากสถานการณ์ราคาน้ำมันในปี 2565 ผู้บริหารซัสโก้ คาดว่าจะยังคงมีการปรับขึ้นแน่นอน อันเนื่องมาจาก “ดีมานด์” หรือความต้องการใช้น้ำมันที่มีเพิ่มมากขึ้น ขณะที่ซัปพลายยังคงอยู่ในขีดจำกัด ซึ่งหลังจากที่เกิดโควิดในช่วงที่ผ่านมา ทำให้กำลังการผลิตน้ำมันดิบที่ออกสู่ตลาดโลกลดลงไปค่อนข้างมาก แต่พอสถานการณ์โควิด-19 ค่อยๆ ทุเลาลง ก็ทำให้ประเทศในกลุ่มยุโรป และอเมริกา เริ่มกลับมาฟื้นตัวเริ่มมีการเดินทางกันมากขึ้น ทำให้สถานการณ์การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงกลับมาเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
สำหรับราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ขณะนี้แตะจุดสูงสุดในรอบ 7 ปีราคาเข้าใกล้ 90 เหรียญต่อบาร์เรล และคาดว่าจะคงอยู่ในระดับสูงอีกระยะหนึ่ง เนื่องจากสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียกับยูเครน รวมถึงการจำกัดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปก ในขณะที่ปริมาณการใช้กลับมีความต้องการเพิ่มมากขึ้น ในส่วนของอัตราการใช้น้ำมันยังคงสูงอยู่ถึงแม้ว่าจะมีรถ EV ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเข้ามาเพิ่มมากขึ้น แต่ก็ยังไม่มีผลต่อความเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ
แม้ว่า ณ วันนี้การเดินทางทางอากาศ หรือการโดยสารเครื่องบินอาจจะยังไม่กลับมาเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่หากวันที่ธุรกิจการบินกลับมาเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์เมื่อไร ก็เชื่อมั่นว่าราคาน้ำมันในตลาดโลก และน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศไทยจะทะยานมากขึ้นไปกว่านี้ ซึ่งวันนี้ อยากให้ทางรัฐบาลมีการเตรียมความพร้อม และเตรียมตัวเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ไว้ ไม่ว่าจะเป็นการปรับโครงสร้างกองทุนน้ำมัน หรือแม้แต่การเตรียมมาตรการต่างๆ ออกมารองรับเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบตามมา
อย่างไรก็ดี ผู้บริหารซัสโก้มั่นใจว่ารายได้ของบริษัทภายในปี 2565 โดยเฉพาะยอดจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงจะเติบโตขึ้นไปเกือบร้อยละ 40 หรือน่าจะเกินกว่า 20,000 ล้านบาท อันเนื่องจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่สูงขึ้น รวมถึงการคาดการณ์ว่าตลาดน้ำมันเครื่องบิน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งธุรกิจหลักของซัสโก้จะกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง