กทพ.ลงพื้นที่ตลาดหัวมุม และแนว ถ.ประเสริฐมนูกิจ และประดิษฐ์มนูธรรม สำรวจแนวก่อสร้าง ทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือ ตอน N2 จ่อผ่านทางตัน ผุดอุโมงค์ลอด ถ.งามวงศ์วานและวิภาวดี-รังสิต ดันสร้างตอน N1 ตัดปัญหากระทบ ม.เกษตรฯ ยอมงบบานอีก 2 หมื่นล้าน
วันที่ 9 ก.พ. 2565 นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) พร้อมด้วย นายประมวลรัตน์ จินณรงค์ รองผู้ว่าการฝ่ายกฎหมายและกรรมสิทธิ์ที่ดิน นายพิศาล ไทยสม ผู้อำนวยการฝ่ายกรรมสิทธิ์ที่ดิน นายวรปรัชญ์ พ้องพงษ์ศรี ผู้อำนวยการกองพัฒนาและรักษาเขตทาง 2 รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่บริเวณทางแยกต่างระดับฉลองรัช ตัดกับถนนประเสริฐมนูกิจและถนนประดิษฐ์มนูธรรมทั้ง 4 ทิศทาง ประกอบด้วย บริเวณตลาดหัวมุม บริเวณลานจอดรถ The Walk บริเวณด้านหน้าคอนโดฯ นวธารา และบริเวณร้านข้าวต้มสมพงษ์ เพื่อสำรวจพื้นที่ที่จะใช้ในการก่อสร้างโครงการทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือ ตอน N2
นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการ กทพ. เปิดเผยว่า โครงการทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือ ตอน N 2 เป็นทางพิเศษขนาด 4 ช่องจราจรไป-กลับเพื่อแก้ไขปัญหาจราจรบนถนนประเสริฐมนูกิจ รวมถึงบริเวณใกล้เคียงตลอดแนวถนน โดยมีจุดเริ่มต้นโครงการบริเวณ กม.1+000 ของถนนประเสริฐมนูกิจ บนตอม่อที่มีอยู่เดิม ผ่านแยกลาดปลาเค้า แยกเสนานิคม แยกฉลองรัช แยกนวมินทร์ ไปสิ้นสุดโดยเชื่อมต่อกับถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก มีระยะทางรวม 11.3 กิโลเมตร มีทางขึ้นลงจำนวน 5 แห่ง มูลค่าโครงการ 16,960 ล้านบาท
ปัจจุบันรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม( EIA) ผ่านการอนุมัติแล้วอยู่ในขั้นตอนนำเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ขออนุมัติเพื่อเปิดประมูลก่อสร้างต่อไป
ส่วนทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือ ตอน N1 ซึ่งแนวเส้นทางผ่านหน้ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์นั้น ผู้ว่าฯ กทพ.กล่าวว่า อาจจะมีแนวคิดที่จะก่อสร้างในรูปแบบอุโมงค์ ลอดถนนงามวงศ์วานและถนนวิภาวดี-รังสิต เพื่อลดผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นแก่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แต่ทั้งนี้การก่อสร้างในรูปแบบอุโมงค์จะมีค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างสูงกว่าทางยกระดับปกติหลายเท่า ซึ่งอาจจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 20,000 ล้านบาท ดังนั้นเพื่อให้โครงการมีผลตอบแทนที่สอดคล้องกับต้นทุนที่ กทพ.จะต้องลงทุนเพิ่ม อาจทำให้อัตราค่าผ่านทางของ กทพ ในทางพิเศษสายนี้ขยับสูงขึ้น ส่วนจะเป็นเท่าไหร่นั้น กทพ.จะประเมินและนำเสนอให้ส่วนงานที่เกี่ยวข้องร่วมพิจารณาต่อไป
อย่างไรก็ตาม กทพ.จะยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าแก้ไขปัญหาจราจรให้แก่ประชาชน โดยคำนึงถึงความต้องการของประชาชนและประโยชน์สูงสุดที่จะเกิดขึ้นต่อประเทศเป็นหลัก