xs
xsm
sm
md
lg

“แม็ค” เฝ้าระวังโอไมครอนใกล้ชิด ปี 65 ผุดเอาต์เลตใน ปตท.ครบ 70 แห่ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการรายวัน 360 - “แม็คยีนส์” ปักธงลุย “MC OUTLET” ให้ครบ 70 แห่งภายในสิ้นปี 65 หลังผลตอบรับดียอดขายพุ่งเท่าตัว รับ “คนไทยเที่ยวไทย” หนุนเศรษฐกิจและกำลังซื้อในประเทศคึกคัก มั่นใจผลงานปีนี้ดีกว่าปีก่อน

นายเจมส์ริชาร์ด อมตวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ “Mc” องค์กรธุรกิจค้าปลีกประเภทสินค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ เปิดเผยในงาน Opportunity Day ว่า ได้วางกลยุทธ์การทำธุรกิจในช่วง 12-18 เดือนนับจากนี้ในหลายด้านๆ ทั้งการสร้างการเติบโตของรายได้ การรักษาระดับมาร์จิ้นให้อยู่ในระดับเท่าเดิม หรือดีขึ้น ตลอดจนการลดการจัดโปรโมชันเพื่อสร้างแบรนด์ให้ชัดเจน การอัปเกรดช่องทางการจัดจำหน่ายทั้งออฟไลน์ และออนไลน์ รวมถึงการบริหารส่วนอื่นๆ ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น มีเป้าหมายลดต้นทุนชนิด 360 องศา เพื่อให้ผลดำเนินงานของบริษัทเติบโต สามารถจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นได้อย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ หนึ่งในกลยุทธ์และเป็นคีย์ที่สำคัญคือการทยอยเปิด “แม็ค เอาต์เลต” (MC OUTLET) ซึ่งอยู่ในสถานีบริการพีทีที สเตชั่น ของ OR เพิ่มให้ครบ 70 แห่งในปี 2565 หลังจากได้เริ่มเปิดสาขาแรกที่วังน้อยเมื่อเดือนตุลาคม 2564 และเปิดเพิ่มที่สระบุรี ซึ่งได้รับการตอบรับดีมาก โดยยอดขายต่อสาขาเพิ่มขึ้นมา 2 เท่าตัว เนื่องจากสอดรับกับพฤติกรรมของคนไทยที่ท่องเที่ยวในประเทศไทยเป็นหลัก อีกทั้งการที่ยอดขายและรายได้ของแม็คยีนส์เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์อิงกับเศรษฐกิจในประเทศ ดังนั้นเมื่อรัฐบาลเปิดประเทศ กำลังซื้อและเศรษฐกิจฟื้นตัวกลับมาก็สนับสนุนธุรกิจของบริษัทด้วย
 
“ข้อดีของการเปิด MC OUTLET ในสถานีบริการพีทีที สเตชั่น ของ OR ถึงแม้ว่าประเทศจะมีการล็อกดาวน์ แต่ชอปในสถานีบริการน้ำมันไม่ถูกปิด และพฤติกรรมคนไทยก็มีการใช้เวลาในสถานีบริการน้ำมันนานขึ้น เพราะสถานีบริการน้ำมันได้มีการพัฒนาเป็นไลฟ์สไตล์ คอมมูนิตีมอลล์สำหรับคนในชุมชน ทำให้คนในชุมชนไม่เดินทางไปห้างสรรพสินค้า แต่จะเลือกมาที่สถานีบริการน้ำมันแทนเพราะมีบริการที่ครบครัน และ MC OUTLET ก็เป็นชอปที่ได้รับความสนใจ” นายเจมส์ริชาร์ดกล่าว
 
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานงวดปี 64/65 (ก.ค. 64 -มิ.ย. 65) จะดีกว่างวดปี 63/64 เนื่องจากยอดขายฟื้นตัวหลังคลายล็อกดาวน์ โดยยอดขายเติบโตได้ดีจากทุกช่องทาง ขณะที่ฐานะการเงินแข็งแกร่งมีเงินสดในมือกว่า 1,800 ล้านบาท และไม่มีหนี้สิน ก็เป็นโอกาสให้บริษัทมองหาดีลเพื่อควบรวมกิจการที่จะสนับสนุนธุรกิจหลักของบริษัทได้ ปัจจุบันมีการเจรจา และพิจารณาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในธุรกิจที่เข้ามาเสริมด้านซัปพลายเชนให้ดีขึ้น หรืออาจเป็นธุรกิจใหม่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเดิม ซึ่งบริษัทมีการเลือกลงทุนเพื่อให้ได้ในสิ่งที่คุ้มค่าที่สุด

สำหรับปัญหาราคาวัตถุดิบฝ้ายที่ปรับตัวสูงขึ้นจะยังไม่ส่งผลกระทบต่อต้นทุนของบริษัทในช่วงนี้เพราะได้มีการซื้อล่วงหน้าไว้แล้วถึงเดือนมิถุนายน 2565 ขณะที่โควิดสายพันธุ์ใหม่ “โอไมครอน” ก็ต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิดด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น