“พาณิชย์” ยันไทยพร้อมรับไม้ต่อเป็นเจ้าภาพประชุมเอเปกปีหน้า

“พาณิชย์” หารือรัฐมนตรีการค้าและการเติบโตทางการส่งออกของนิวซีแลนด์ ยันไทยพร้อมรับไม้ต่อเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปกในปีหน้า ชูประเด็นการอำนวยความสะดวกทางการค้า ดัน FTA เอเปก หนุนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์และเศรษฐกิจดิจิทัล รวมถึง BCG สบช่องขอให้เพิ่มนำเข้าเครื่องใช้ไฟฟ้า คอมพิวเตอร์ ผลิตภัณฑ์ยาง และผลิตภัณฑ์สำปะหลังจากไทยเพิ่ม

นายสรรเสริญ สมะลาภา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการหารือกับ นายเดเมียน โอ คอนเนอร์ รัฐมนตรีการค้าและการเติบโตทางการส่งออกของนิวซีแลนด์ เมื่อวันที่ 8 พ.ย. 2564 ผ่านระบบการประชุมทางไกล ว่า ได้แสดงความยินดีต่อความสำเร็จของนิวซีแลนด์ในการเป็นเจ้าภาพเอเปกในปีนี้ และได้ยืนยันว่าไทยมีความพร้อมในการรับไม้ต่อเป็นเจ้าภาพจากนิวซีแลนด์สำหรับการจัดการประชุมเอเปกในปีหน้า

ทั้งนี้ ไทยได้ยืนยันในเรื่องการอำนวยความสะดวกทางการค้าและการลงทุน การหารือเรื่องการจัดทำเขตการค้าเสรีเอเชีย-แปซิฟิก (FTAAP) เพื่อส่งเสริมการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค และประเด็นการค้าใหม่ๆ เช่น พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์และเศรษฐกิจดิจิทัล รวมทั้งไทยยังให้ความสำคัญต่อแนวคิดเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว หรือ BCG Economy Model ซึ่งจะเป็นการขับเคลื่อนการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน

ขณะเดียวกัน ได้แสดงความยินดีกับนิวซีแลนด์ที่ได้ยื่นสัตยาบันความตกลง RCEP เมื่อวันที่ 2 พ.ย. 2564 ทำให้จำนวนประเทศสมาชิก RCEP ที่ยื่นสัตยาบันครบตามเกณฑ์ที่กำหนด ส่งผลให้ความตกลง RCEP จะมีผลใช้บังคับในวันที่ 1 ม.ค. 2565 โดยทั้งสองฝ่ายต่างเชื่อมั่นว่าความตกลง RCEP จะเป็นส่วนสำคัญต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจในภูมิภาค และภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 คลี่คลาย

นายสรรเสริญกล่าวว่า ได้ใช้โอกาสนี้ขอให้นิวซีแลนด์พิจารณานำเข้าสินค้าศักยภาพจากไทย และเป็นที่ต้องการของตลาดนิวซีแลนด์ เพื่อเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจภายหลังโควิด-19 ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการไทยสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ เช่น กลุ่มสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ ผลิตภัณฑ์ยาง และผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง (โดยเฉพาะกากมันสำปะหลัง) ซึ่งเป็นหนึ่งในทางเลือกสำหรับอาหารสัตว์ในอุตสาหกรรมโคนมของนิวซีแลนด์

ในช่วง 9 เดือนของปี 2564 (ม.ค.-ก.ย.) การค้าระหว่างไทยกับนิวซีแลนด์มีมูลค่าการค้าระหว่างกัน 1,994.19 ล้านเหรียญสหรัฐ (62,090.28 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 41.22% เป็นการส่งออกจากไทยไปนิวซีแลนด์มูลค่า 1,381.97 ล้านเหรียญสหรัฐ (42,787.50 ล้านบาท) และนำเข้าจากนิวซีแลนด์มูลค่า 612.22 ล้านเหรียญสหรัฐ (19,302.78 ล้านบาท)