ผู้จัดการรายวัน 360 - “สตีเบล เอลทรอน” วางแผนรุกปีหน้า พร้อมขยายตลาดเครื่องทำน้ำอุ่นน้ำร้อนลงกลุ่มระดับซีเป็นครั้งแรก ประเดิมในไทยเป็นแห่งแรกของสตีเบล เอลทรอน ทั่วโลก ระดับราคาต่ำว่า 3 พันบาทลงมา ชี้เป็นตลาดใหญ่มากกว่า 50% ของตลาดรวม ลั่นปีนี้รายได้รวมทะลุพันล้านบาท ยึดแชร์ 20%
นายโรลันด์ เฮิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท สตีเบล เอลทรอน เอเซีย จำกัด เปิดเผยว่า ปี 2564 นี้เป็นปีแรกที่สตีเบล เอลทรอน ขยายตลาดเครื่องทำน้ำอุ่นและน้ำร้อนไปสู่กลุ่มเป้าหมายระดับซี (C MARKET) ซึ่งมีระดับราคาต่ำกว่า 3,000 บาทลงมา ด้วยคอลเลกชัน Safe Save Series โดยไทยยังเป็นประเทศแรกของสตีเบล เอลทรอน ด้วยที่รุกตลาดกลุ่มนี้ เนื่องจากการศึกษาพบว่าตลาดที่ซื้อสินค้าระดับราคานี้มีมากในท้องตลาดมากกว่า 50% ของตลาดรวม และส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่อยู่ในต่างจังหวัด แต่ยังคงต้องการสินค้าที่มีคุณภาพ ราคาต่ำลงมา ภายใต้สภานการณ์เศรษฐกิจที่ยังไม่ค่อยดี โดยปีหน้าก็จะมีการนำเสนอสินค้าในคอลเลกชันนี้ออกมาวางตลาดต่อเนื่อง
โดยได้วางตลาดรุ่น DE, AQE และ WS E-2 ทั้งสามรุ่นนี้ออกมาเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าชาวไทยที่เป็นครอบครัวใหญ่ ผู้พักอาศัยอยู่คนเดียว และกลุ่มผู้ที่เริ่มทำงาน ที่ให้ความเชื่อมั่นต่อมาตรฐานเยอรมนี การวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทั้งสามรุ่นนี้ของสตีเบล เอลทรอนถือเป็นการขยายตลาดและแนะนำแบรนด์ให้กลุ่มลูกค้าใหม่ๆ โดยเน้นที่กลุ่มลูกค้าในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อนที่จะขยายไปยังภูมิภาคอื่นของประเทศไทย ซึ่งผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้ช่วยเพิ่มศักยภาพในการขยายฐานลูกค้าเดิม รวมถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ที่ให้ความสำคัญต่อเรื่องราคาได้อีกด้วย
ทั้งนี้ การรุกตลาดกลุ่มซีถือเป็นอีกแนวทางหนึ่งในการรุกตลาดประเทศไทย และไทยยังคงเป็นตลาดหลักที่สำคัญแห่งหนึ่งของสตีเบล เอลทรอนในภูมิภาคนี้ ภายใต้แผนสำคัญคือ 1. การขยายสินค้าใหม่ๆเพื่อรักษาความเป็นผู้นำในตลาดวอตอร์โซลูชัน, 2. รักษาความเชื่อมั่นแบรนด์สินค้าและการแสวงหาโอกาสใหม่ๆ เช่น ตลาดกลุ่มซี, 3. การสร้างซีอาร์เอ็มและทำตลาดในยุดิจิทัล, 4. การรองรับความต้องการของตลาดรวมหลังจากที่มีการเปิดประเทศและคลายล็อกดาวน์อย่างเต็มรูปแบบ, 5. การสร้างประสิทธิภาพด้านการผลิตด้วยต้นทุนสินค้าที่ต่ำลงอย่างมีประสิทธิภาพ และ 6. การพัฒนาระบบอีคอมเมิร์ซและออนไลน์ต่อเนื่อง
ในปีหน้า (2565) วางเป้าหมายที่จะมีรายได้รวมจากยอดขายในไทยมากกว่า 1,000 ล้านบาท จากปีนี้ที่ผลประกอบการเฉพาะตลาดในไทยมีประมาณ 900 ล้านบาท แต่หากรวมรายได้ทั้งหมดในไทยและการส่งออกจะมีประมาณ 1,100 ล้านบาทแน่นอน โดยผลประกอบการช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ (มกราคม-กันยายน 2564) ยอดขายในไทยโต 1% ส่วนยอดการส่งออกโต 5% และคาดว่าผลประกอบการรวมทั้งปีนี้จะเติบโต 5%
นายโรลันด์กล่าวว่า สำหรับตลาดรวมเครื่องทำน้ำอุ่นน้ำร้อนในไทยมีมูลค่าประมาณ 3,000 ล้านบาท หรือประมาณ 9 แสนยูนิต ซึ่งสตีเบล เอลทรอนมีส่วนแบ่งประมาณ 630 ล้านบาท หรือจำนวน 2 แสนยูนิต หรือมีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 20% แบ่งสัดส่วนรายได้มาจากช่องทางโมเดิร์นเทรด 58%, จากดีลเลอร์ 22%, จากโครงการ 11% และจากอีคอมเมิร์ซกับอื่นๆ 9% ซึ่งช่องทางอีคอมเมิร์ซนี้เราเติบโตถึง 70% และสินค้าที่ทำรายได้หลัก คือ เครื่องทำน้ำอุ่น 64%
จากการล็อกดาวน์ประเทศส่งผลให้ดีลเลอร์ทั่วประเทศของสตีเบล เอลทรอนต้องปิดดำเนินการชั่วคราว บริษัทจึงได้เสริมความแข็งแกร่งในกลยุทธ์อีคอมเมิร์ซเพื่อเพิ่มยอดขายในประเทศ เนื่องด้วยสินค้ากลุ่มเครื่องทำน้ำอุ่นและสินค้าอื่นๆ ของสตีเบล เอลทรอนถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการใช้ชีวิตของคนไทย บริษัทฯ คาดการณ์ว่ายอดจะโตได้ถึง 5% ในปี 2564 เทียบกับปี 2563 สืบเนื่องมาจากการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ของประเทศ
“แม้ว่าตลาดจะได้รับผลกระทบจากการหยุดดำเนินการของร้านค้าปลีก รวมทั้งการชะลอตัวของโครงการอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ เรายังสามารถคงยอดขายไว้ได้โดยการมุ่งเน้นไปที่การขายผ่านช่องทางออนไลน์เนื่องจากผู้บริโภคยังคงมีความต้องการในตัวสินค้าอยู่ สถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้นับเป็นโอกาสที่ดีให้เราได้กลับมาทบทวนและประเมินแผนธุรกิจและลูกค้าของเราใหม่ และยังช่วยให้สตีเบล เอลทรอน สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์อย่าง C-Segment ที่มีราคาที่เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเหล่านั้นได้มากขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้ช่วยให้เราสามารถคงไว้ซึ่งยอดขาย และยังมีส่วนให้เราดำเนินธุรกิจต่อไปได้โดยไม่ต้องลดจำนวนพนักงานหรือลดเงินเดือนของพวกเขาลงด้วย” นายโรลันด์กล่าว
อนึ่ง ผลิตภัณฑ์กลุ่มเพื่อความยั่งยืนที่ช่วยให้ลูกค้าประหยัดค่าใช้จ่ายพร้อมไปกับการได้ดูแลสิ่งแวดล้อมนั้นยังถือเป็นอีกหนึ่งบทบาทสำคัญที่สตีเบล เอลทรอน ให้ความสำคัญต่อผลิตภัณฑ์ที่นำเสนอออกไป โดยจากการศึกษาพบว่าปัจจุบันลูกค้าให้ความสำคัญต่อเรื่องคุณภาพของสินค้า ระยะเวลาในการส่งมอบ และการให้ความใส่ใจในเรื่องสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน ซึ่งผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ออกวางจำหน่ายในปี 2564 นั้นถือว่าตอบโจทย์ความต้องการเหล่านั้นได้เป็นอย่างดี
ผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจในปี 2564 ได้แก่
• เครื่องทำน้ำอุ่นรุ่น XG Super Black ที่วางจำหน่ายในจำนวนจำกัดเพียง 1,000 เครื่อง เฉพาะช่องทางออนไลน์ Shopee, Lazada และ JD Central
• เครื่องทำน้ำร้อนรุ่น DCM7 มาพร้อม Rapid Composite Heater ที่ช่วยให้ผลิตน้ำร้อนได้รวดเร็วทันใจ
• STIEBEL LIFE ตู้กดน้ำร้อน-น้ำเย็นที่มาพร้อมเครื่องกรองน้ำเชิงพาณิชย์คุณภาพระดับพรีเมียมอย่าง MAXSTREAM ที่ช่วยให้กรองน้ำได้ปริมาณมาก ออกแบบมาได้อย่างลงตัวไม่ว่าจะติดตั้งที่บ้าน สำนักงาน หรือสถานที่ทำงาน
• MAXSOFT เครื่องทำน้ำอ่อนคุณภาพสูง ขนาดกะทัดรัด ที่ช่วยเสริมคุณภาพของน้ำดื่มสำหรับเครื่องชงกาแฟ เครื่องทำน้ำแข็ง และตู้กดน้ำร้อน-น้ำเย็น ซึ่งถือเป็นสินค้าที่เหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับร้านอาหาร และคาเฟ่ต่างๆ