xs
xsm
sm
md
lg

“สุวรรณภูมิ” ซ้อมใหญ่เปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ คาดมีผู้โดยสารเพิ่มกว่า 2 หมื่นคน/วัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“สุวรรณภูมิ” ซ้อมใหญ่เตรียมพร้อมเปิดประเทศ เจ้าหน้าที่ตรวจคัดกรองทุกขั้นตอน รองรับผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศ พบมีความเสี่ยงแยกออกทันที คาดปริมาณเที่ยวบินเพิ่มเป็น 480 เที่ยวบินจาก 320 เที่ยวบิน ผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 23,000 คน/วัน

วันที่ 27 ต.ค. 2564 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้ร่วมกับทุกหน่วยงานที่ปฏิบัติงาน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจัดฝึกซ้อมใหญ่การให้บริการผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศ ให้เป็นไปตามแนวทางที่กำหนดภายใต้มาตรฐานการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ของกระทรวงสาธารณสุข เตรียมพร้อมรับนักท่องเที่ยวตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2564 ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ประกาศนโยบายเปิดประเทศ

นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) กล่าวว่า การให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2564 กรณีของผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศจะเปิดให้บริการผู้โดยสารทั้งอาคารเทียบเครื่องบินด้านทิศตะวันออก (Concourse C) และด้านทิศตะวันตก (Concourse E, F, G) โดยจะมีขั้นตอนเริ่มตั้งแต่ผู้โดยสารลงจากอากาศยานแล้วจะได้รับการตรวจคัดกรองจากเจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรคระหว่างประเทศ โดยแยกเป็น 2 ส่วน คือ ผู้โดยสารบางส่วนจะยังต้องตรวจด้วยระบบใบอนุญาตเดินทางเข้าประเทศไทย (Certificate of Entry : COE) อีกส่วนจะตรวจด้วยวิธีการสแกน QR Code ของระบบ Thailand Pass ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มใหม่เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ที่เดินทางเข้าประเทศไทย ซึ่งในอนาคตจะเข้ามาแทนการใช้ระบบ COE

จากนั้นผู้โดยสารเดินตามเส้นทางที่กำหนด ผ่านการตรวจคัดกรองอุณหภูมิ หากผู้โดยสารอุณหภูมิเกิน 37.3 องศาเซลเซียส หรือเข้าเกณฑ์ PUI เจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรคฯ จะกันผู้โดยสารดังกล่าวไปดำเนินการตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข ถ้าอุณหภูมิไม่เกิน 37.3 องศาเซลเซียส ก็เข้าสู่กระบวนการตรวจคนเข้าเมือง หลังจากนั้นผู้โดยสารรับสัมภาระและผ่านพิธีการศุลกากรกรณีมีของสำแดง

แต่หากไม่มีของสำแดงจะมีเจ้าหน้าที่นำผู้โดยสารไปพบตัวแทนโรงแรมที่เป็นสถานที่กักตัวทางเลือกที่ผู้โดยสารจองมาล่วงหน้าแล้ว บริเวณโถงผู้โดยสารขาเข้าชั้น 2 จากนั้นผู้โดยสารขึ้นรถของโรงแรมซึ่งมีการจัดให้มีที่กั้นระหว่างพนักงานขับกับผู้โดยสารเป็นไปตามมาตรฐานการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค เพื่อไปดำเนินการตรวจ RT-PCR ตามกำหนด ณ โรงแรมที่พักต่อไป

ทางด้านผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ เมื่อผู้โดยสารทำการเช็กอินที่เคาน์เตอร์เช็กอิน เจ้าหน้าที่สายการบินจะทำการตรวจสอบเอกสารตามที่ประเทศปลายทางกำหนดก่อนออกบัตรโดยสาร (Boarding Pass) จากนั้นก็สามารถเข้าสู่ขั้นตอนตรวจหนังสือเดินทางตามปกติต่อไป

นายกิตติพงศ์กล่าวว่า ในส่วนของผู้โดยสารขาออกภายในประเทศ ปัจจุบันท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีการให้บริการภายใต้มาตรการเฝ้าระวังโรคที่เข้มงวด เมื่อผู้โดยสารทำการเช็กอินจะต้องเตรียมเอกสารตามที่จังหวัดปลายทางกำหนด โดยสายการบินจะตรวจสอบเอกสารต่างๆ เช่น เอกสารยืนยันการได้รับวัคซีนตามเกณฑ์ หรือเอกสารแสดงผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 โดยวิธี RT-PCR หรือ Antigen Test Kit(ATK) เมื่อออกบัตรโดยสารแล้วผู้โดยสารจะผ่านขั้นตอนการคัดกรองตามปกติก่อนออกเดินทางต่อไป ส่วนผู้โดยสารขาเข้าภายในประเทศ เมื่อผู้โดยสารลงจากอากาศยานจะผ่านเครื่องตรวจวัดอุณหภูมิเมื่อเข้ามาภายในอาคาร ก่อนรับกระเป๋าที่สายพานและเดินทางออกจากท่าอากาศยาน

เมื่อผู้โดยสารมาใช้บริการที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ก่อนจะเข้าอาคารผู้โดยสารได้มีการติดตั้งเครื่องวัดอุณหภูมิแบบอินฟราเรดขนาดเล็ก (Thermoscan) และติดตั้งป้ายสแกน QR Code ไทยชนะ บริเวณประตูทางเข้า ซึ่งจะเปิดให้ผู้โดยสารเข้าที่ประตู 1, 3, 5, 7, 9 โดยหากผู้โดยสารมีอุณหภูมิร่างกายเกิน 37.3 องศาเซลเซียส จะถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าใช้บริการ

พร้อมกันนี้ ยังได้เตรียมความพร้อมทั้งโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกให้เป็นไปตามมาตรการสาธารณสุข D-M-H-T-T-A ตามหลักการ COVID-Free Setting และ Universal Prevention อย่างเคร่งครัด โดยบริเวณเคาน์เตอร์เช็กอินมีการนำเครื่องเช็กอินอัตโนมัติ (Common Use Self Service : CUSS) ระบบรับสัมภาระอัตโนมัติ (Common Use Bag Drop : CUBD) มาให้บริการเพื่อลดการสัมผัส มีการจัดให้เว้นระยะห่าง มีการเพิ่มความถี่ในการทำความสะอาดรถเข็นกระเป๋า บันไดเลื่อน ลิฟต์ ห้องน้ำ เพื่อลดความเสี่ยงการแพร่ระบาดของโรค

ในส่วนของพื้นที่จอดรถ ได้เตรียมอาคารและลานจอดที่เพียงพอต่อการใช้บริการของผู้โดยสาร จัดบริการรถ shuttle bus ให้บริการทั้งภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และระหว่างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กับท่าอากาศยานดอนเมือง ขณะที่ร้านค้าและร้านอาหารที่ปิดให้บริการไปในช่วงแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้ทยอยกลับมาเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.เป็นต้นไป

ส่วนพื้นที่เขตการบิน มีการตรวจสอบและบำรุงรักษาพื้นผิวทางวิ่ง ทางขับ และลานจอดอากาศยานให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานได้อย่างปลอดภัย โดยปัจจุบันได้ให้บริการทางวิ่ง 2 เส้นทาง และมีหลุมจอดอากาศยาน 120 หลุมจอด

สำหรับความพร้อมด้านของบุคลากร ผู้ปฏิบัติงานจากทุกภาคส่วนที่ปฏิบัติงานในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มตั้งแต่เดือน เม.ย. ถึงเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมาจำนวน 34,000 คน และขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ซึ่งคาดว่า ณ สิ้นเดือน ต.ค.ทั้ง 34,000 คน หรือคิดเป็น 95% ของบุคลากรผู้ปฏิบัติงานจะได้รับวัคซีนครบ 3 เข็ม

อย่างไรก็ตาม จากการประสานงานกับทุกหน่วยงาน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และได้ร่วมกันซักซ้อมขั้นตอนการปฏิบัติเพื่อรองรับผู้โดยสารทั้งในส่วนย่อยและซ้อมใหญ่ล่าสุด ยืนยันว่าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีความพร้อมในการให้บริการ ภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคที่เข้มงวด พร้อมร่วมเป็นกลไกสำคัญกับรัฐบาลในการฟื้นฟูเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของประเทศ

ทั้งนี้ คาดว่าภายหลังที่มีการเปิดประเทศตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.แล้ว ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจะมีปริมาณเที่ยวบินต่อวันเพิ่มขึ้นเป็น 480 เที่ยวบิน จากปัจจุบัน 320 เที่ยวบิน และจำนวนผู้โดยสารต่อวันเพิ่มขึ้นเป็น 38,000 คน จากปัจจุบัน 15,000 คน












กำลังโหลดความคิดเห็น