“ศักดิ์สยาม” ลงพื้นที่ “อยุธยา” น้ำท่วมถนน 13 เส้นทาง สั่ง ทช.เร่งซ่อมสาย อย.3011 แก้ท่วมซ้ำซาก ด้าน ทช.เผยถนน 217เส้นทางที่ถูกน้ำท่วมกลับสู่ภาวะปกติแล้ว เหลือ 29 เส้นทาง พร้อมตั้งงบ 1.5 พันล้านบาทซ่อมแซมฟื้นฟูชุดแรก 101 เส้นทาง
วันนี้ (21 ต.ค.) นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ลงพื้นที่จังหวัด พระนครศรีอยุธยา เพื่อตรวจเยี่ยมผู้ประสบอุทกภัยและมอบถุงยังชีพแก่ประชาชนใน 6 ตำบล จำนวน 2,500 ครัวเรือน พร้อมกับตรวจเส้นทางคมนาคมที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย บริเวณทางหลวงชนบทสาย อย.3011 และทางหลวงชนบท อย.3020 ซึ่งเกิดการชำรุดเสียหายจากอุทกภัย ซึ่งได้สั่งการให้กรมทางหลวงชนบทเร่งดำเนินการซ่อมแซมแก้ไขให้เรียบร้อยภายในปี 2564 เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่
นายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย อธิบดีกรมท่าอากาศยาน (ทย.) รักษาราชการแทนอธิบดีกรมทางหลวงชนบท (ทช.) รายงานว่า สายทาง อย.3011 แยก ทล.347-บ้านโคก อ.บางปะอิน, บางไทร, บางบาล ถูกน้ำท่วม เนื่องจากเป็นสายทางที่เป็นแนวคันกั้นน้ำป้องกันน้ำท่วมทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 347 บางช่วงจึงมีการนำดินมาทำเป็นคันกั้นน้ำเพื่อให้ประชาชนกว่า 16 ตำบล 1,514 ครัวเรือน ที่อาศัยอยู่บริเวณดังกล่าวสามารถใช้เส้นทางสัญจรไปมาได้
ทช.ได้รับมอบถนนสาย อย.3011 จากกรมชลประทาน ซึ่งถนนนั้นมีระดับต่ำ ทำให้ถูกน้ำท่วมบ่อยครั้ง ประกอบกับการออกแบบเริ่มต้นรองรับน้ำหนักที่ 18 ตัน ขณะที่ถนนของ ทช.จะออกแบบรองรับน้ำหนักได้ 25 ตัน ทำให้ผิวทางมีการชำรุด อีกทั้งเป็นเส้นทางหลักผ่าน อ.บางบาล อ.เสนา อ.บางไทร ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนในการใช้เส้นทาง
ทั้งนี้ ทช.มีแผนในการซ่อมแซมฟื้นฟูสภาพถนนสาย อย.3011 พร้อมกับแก้ปัญหาถนนไม่ให้เกิดปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก โดยจะยกระดับถนนให้สูงขึ้น และก่อสร้างเป็นถนนมาตรฐานกว้าง 7 เมตร ไหล่ทาง 1.5 เมตร ซึ่งเบื้องต้นจะเสนอขอใช้งบกลางประมาณ 40 ล้านบาทดำเนินการ จะทำให้ประชาชนได้รับความสะดวกและปลอดภัยมากขึ้น
@ ถนน ทช. 217 เส้นทางกลับสู่ภาวะปกติ เหลือ 29 เส้นทางยังน้ำท่วม
จากอิทธิพลพายุโซนร้อน “เตี้ยนหมู่” พายุโซนร้อน “ไลออนร็อก” และพายุโซนร้อน “คมปาซุ” ซึ่งทำให้เกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่จนทำให้น้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก มีน้ำท่วมขังและกัดเซาะถนนจนชำรุดเสียหาย ส่งผลให้ถนนของกรมทางหลวงชนบทได้รับความเสียหายในพื้นที่ 46 จังหวัด รวมทั้งสิ้น 281 เส้นทาง ปัจจุบันเข้าสู่ภาวะปกติ 217 เส้นทาง ยังไม่เข้าสู่ภาวะปกติ 64 เส้นทาง สัญจรผ่านได้ 35 เส้นทาง สัญจรผ่านไม่ได้ 29 เส้นทาง
@ตั้งงบ 1.5 พันล้านบาทซ่อมฟื้นฟู 101 เส้นทาง
ส่วนของเส้นทางที่ระดับน้ำลดแล้ว ทช.จะขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อฟื้นฟูสายทางที่เกิดอุทกภัย ครั้งที่ 1 จำนวน 101 เส้นทาง งบประมาณ 1,513.160 ล้านบาท
สำหรับโครงข่ายทางหลวงชนบทที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยามี 13 เส้นทาง ระดับน้ำลดเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว 4 เส้นทาง ยังไม่เข้าสู่ภาวะปกติ 9 เส้นทาง แบ่งเป็นสัญจรผ่านได้ 7 เส้นทาง สัญจรผ่านไม่ได้ 2 เส้นทาง เนื่องจากมีระดับน้ำท่วมสูง คือบริเวณเชิงลาดคอสะพานวัดอินทาราม (อย.026) อ.บางบาล และสะพานข้ามแม่น้ำน้อย (อย.019) อ.เสนา โดยได้เข้าดำเนินการแก้ไขติดตั้งป้ายเตือน ป้ายแนะนำเส้นทางเลี่ยง และจัดเตรียมอุปกรณ์อำนวยความปลอดภัยเพื่อป้องกันอันตรายแก่ประชาชน โดยสายทางที่น้ำลดแล้ว ทช.ได้ขอรับการสนับสนุนงบกลางฟื้นฟู (ครั้งที่ 1) จำนวน 7 เส้นทาง วงเงิน 116.250 ล้านบาท โดยกำชับให้การออกแบบต้องคำนึงถึงการป้องกันและแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนเป็นสำคัญ
พื้นที่จังหวัดปทุมธานี มีโครงข่ายทางหลวงชนบทได้รับผลกระทบ 2 เส้นทาง เข้าสู่ภาวะปกติแล้วทั้ง 2 เส้นทาง ปัจจุบันยังไม่พบความเสียหาย ทช.จะเข้าดำเนินการสำรวจออกแบบเพื่อขอสนับสนุนงบประมาณฟื้นฟูต่อไป
อย่างไรก็ตาม ทช.ได้ดำเนินการตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมอย่างต่อเนื่อง ในเบื้องต้นได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการซ่อมแซมเส้นทางที่ประสบอุทกภัยหลังจากระดับน้ำลดลง โดยจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 3-5 วัน เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้สัญจรได้ตามปกติ รวมถึงให้อำนวยความสะดวกและความปลอดภัยแก่ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน พร้อมทั้งป้องกันเหตุให้ผู้ใช้รถใช้ถนน และให้เฝ้าระวังสถานการณ์อุทกภัยการเตือนภัยจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด หากเกิดภัยพิบัติให้หน่วยงานในพื้นที่เร่งแก้ไขให้การจราจรใช้การได้ในทันที อีกทั้งให้เตรียมความพร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ วัสดุอุปกรณ์ สะพานเบลีย์ เครื่องจักร และยานพาหนะ เพื่อพร้อมสนับสนุนทุกหน่วยงานในกรณีถนนหรือสะพานขาด
นอกจากนี้ ต้องติดตั้งป้ายเตือน ป้ายแนะนำ อุปกรณ์อำนวยความปลอดภัยเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ พร้อมทั้งตั้งจุดให้บริการประชาชน จัดรถ Mobile Service ช่วยเหลือประชาชน และจัดรถบรรทุกไว้บริการรับ-ส่งประชาชนในพื้นที่ประสบภัย ตลอดจนบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนจนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ โดยให้เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง และรายงานผลการดำเนินงานมายังกระทรวงคมนาคมรับทราบทุกวัน