xs
xsm
sm
md
lg

สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทยแนะรัฐวาง 5 มาตรการรับแผนเปิดประเทศ 1 พ.ย.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทยแนะรัฐบาลวาง 5 มาตรการรับมือเปิดประเทศรับต่างชาติท่องเที่ยว 1 พ.ย. หวั่นหากไม่พร้อมอาจเป็นตัวแปรที่ทำให้เศรษฐกิจกลับมาชะงักงันได้ยิ่งซ้ำเติมงบประมาณและภาระประชาชนเพิ่มอีก เหตุยอดติดเชื้อใหม่รายวันยังคงอยู่ในระดับสูง

นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย
เปิดเผยว่า สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทยสนับสนุนนโยบายการเปิดประเทศเพื่อรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแบบไม่กักตัว ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 64 เพื่อฟื้นฟูการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ แต่ควรอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ภาครัฐและหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องต้องเตรียมความพร้อมไว้รองรับ 5 ด้านสำคัญ ได้แก่ 1. การเร่งกระจายวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 2. ชุดตรวจ ATK ราคาต่ำให้ประชาชนเข้าถึง 3. แผนบริหารความเสี่ยงและแนวปฏิบัติแต่ละคลัสเตอร์ธุรกิจ 4. มาตรการเยียวยาผลกระทบผู้ประกอบการให้ครอบคลุมมากขึ้น และ 5. มาตรการด้านสินเชื่อเพื่อเติมเงินทุนให้แก่ผู้ประกอบการโดยเฉพาะวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี)

“ไม่ใช่ว่าเราไม่สนับสนุน แต่มาตรการต่างๆ ในการรองรับการเปิดประเทศจะต้องพร้อมเพราะไม่เช่นนั้นเราอาจจะกลับไปสู่การระบาดระลอกใหม่แล้วเศรษฐกิจจะยิ่งกลายเป็นถดถอยลงได้อีก ซึ่งจะไม่ใช่เป็นเพียงภาระของรัฐบาลที่ต้องจัดหางบประมาณมาแก้ไข แต่นี่คือภาระของคนทั้งประเทศที่จะเพิ่มขึ้น เราจึงควรนำบทเรียนจากต่างประเทศที่เปิดๆ ปิดๆ และภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ (Phuket Sandbox) เองก็เป็นตัวอย่างที่เราสามารถนำจุดบกพร่องมาปรับปรุงแก้ไขได้” นายแสงชัยกล่าว

สำหรับมาตรการ 5 เรื่องที่สำคัญที่ต้องเร่งดำเนินการควบคู่กับการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยไม่กักตัว 1 พ.ย. ได้แก่ 1. การเร่งกระจายวัคซีนต้านโควิด-19 ให้แก่คนไทยให้ทั่วถึงอย่างรวดเร็วซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากขณะนี้ยอดติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่เฉลี่ยต่อวันยังอยู่ในระดับ 10,000 ราย โดยส่วนตัวมองว่ายังเป็นอัตราที่สูงอยู่ หากทำให้เหลือระดับต่ำมากๆ ได้จะยิ่งสร้างความเชื่อมั่นต่อคนไทยและต่างชาติมากขึ้น

2. การให้ประชาชนเข้าถึงชุดตรวจโควิด-19 ด้วยตนเองหรือชุดตรวจ ATK ในราคาต่ำอย่างทั่วถึงเป็นสิ่งสำคัญต่อทั้งประชาชนและผู้ประกอบการทุกภาคส่วนเพื่อไว้ป้องกันและดูแลในยามที่ต้นทุนชีวิตขณะนี้มีภาระรายจ่ายสูงท่ามกลางรายได้ต่ำ ซึ่งล่าสุดองค์การเภสัชกรรมจัดโครงการ ATK คุณภาพเพื่อสังคมไทยขายชุดตรวจ ATK ที่ผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ราคาชุดละ 40 บาท จำนวน 2 ล้านชุด ในร้านขายยาองค์การเภสัชกรรม 8 สาขา เริ่ม 18 ต.ค.นี้ ซึ่งนับเป็นมาตรการที่ดีแต่หากเป็นไปได้ควรจะจัดหาให้มากขึ้นและให้ประชาชนส่วนใหญ่ได้รับราคาในระดับดังกล่าวก็จะเป็นเรื่องที่ดีมาก

3. แผนบริหารความเสี่ยงและแนวปฏิบัติแต่ละคลัสเตอร์ธุรกิจที่ภาครัฐควรกำหนดก่อนเปิดประเทศเพื่อให้ทุกภาคส่วนได้เตรียมพร้อมรองรับ โดยสามารถนำบทเรียนจากกรณีภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ (Phuket Sandbox) มาปรับใช้ ทั้งนี้ก็เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ทุกภาคส่วน

4. มาตรการเยียวยาผลกระทบที่รัฐบาลได้ดำเนินการที่ผ่านมาแต่พบว่าขณะนี้ยังไม่ครอบคลุมบางส่วนก็ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือ โดยเฉพาะผู้ประกอบการเอสเอ็มอียังคงเปราะบางทำให้ไม่มีความพร้อมในการที่จะรับการเปิดประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ

5. มาตรการด้านสินเชื่อที่ต้องให้ภาคธุรกิจเข้าถึงโดยเฉพาะเอสเอ็มอีเพื่อรองรับการเปิดประเทศที่จำเป็นจะต้องอัดฉีดเพื่อให้ผู้ประกอบการได้สามารถนำมาปรับปรุงกิจการและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในระยะต่อไป

“การเปิดประเทศ 1 พ.ย.เพื่อรับนักท่องเที่ยวต่างชาติจะต้องประเมินถึงมาตรการรับมือให้รอบคอบ เพราะส่วนตัวแล้วเราควรจะต้องมุ่งเน้นการสร้างความเข้มเข็งของ Local Economy ก่อน หมายถึงถ้าคนในประเทศเราติดเชื้อโควิด-19 ในอัตราที่ต่ำลงอย่างมีนัยสำคัญแล้วเปิดให้ต่างชาติเข้ามาที่พร้อมด้วยมาตรการต่างๆ รองรับที่ชัดเจนก็สนับสนุนเต็มที่ แต่ขณะนี้ยอมรับว่ายังกังวลเพราะยอดติดเชื้อใหม่รายวันระดับ 10,000 คนยังถือเป็นอัตราที่เปราะบาง” นายแสงชัยกล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น