หอการค้าไทยหนุนการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว เพราะจะทำให้ผู้ประกอบการ นักเดินทาง รู้ล่วงหน้าและจะได้เตรียมตัวได้ดีขึ้น ย้ำทุกฝ่ายต้องมีวินัยเพื่อลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น ประเมินนักท่องเที่ยวจะเข้ามาเดือนละ 1 แสนราย ช่วยดันจีดีพีปีนี้เพิ่ม แต่ยังอยู่ในกรอบ 0-1%
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า เป็นสัญญาณที่ดีที่นายกรัฐมนตรีออกมาประกาศสร้างความชัดเจนในการเปิดประเทศ เพราะจะช่วยทำให้ผู้ประกอบการและนักเดินทางได้รู้ล่วงหน้าและมีการเตรียมตัวที่ดีขึ้น ภายใต้การควบคุมและมีลำดับขั้นตอนในการทยอยเปิดที่ชัดเจน เพราะสถานการณ์ปัจจุบัน ตัวเลขผู้ติดเชื้อมีแนวโน้มทรงตัวถึงลดลง ประกอบกับแผนการจัดหาและจัดสรรวัคซีนที่มีความชัดเจนทำให้ประชาชนได้รับวัคซีนเพิ่มขึ้น การกระจายวัคซีนไปต่างจังหวัดเพิ่มมากขึ้น และการติดเชื้อจากต่างประเทศก็ไม่มีปริมาณมาก
ทั้งนี้ มาตรการที่ภาครัฐได้ทยอยผ่อนคลายตั้งแต่เดือน ก.ย. 2564 ที่ผ่านมา รวมไปถึงโครงการ Phuket Sandbox ที่ได้ดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 2564 ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ได้มีการเตรียมตัวมาแล้ว เช่น มาตรการ SHA+ และ COVID FREE SETTING
อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่ต้องเตรียมความพร้อม คือ การกระจายฉีดวัคซีนเพิ่มเติมทั้งเข็ม 2 และเข็ม 3 โดยภาคเอกชนที่ร่วมเป็นศูนย์ฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาลพร้อมให้การสนับสนุนเพื่อร่วมเปิดประเทศไปด้วยกัน
“สิ่งสำคัญในขณะนี้คือการสร้างความเชื่อมั่น โดยการสื่อสารไปยังประเทศต่างๆ ถึงกระบวนการในการเดินทางเข้าประเทศไทยที่เป็นมาตรฐานสากล ที่สำคัญ มาตรการ COVID FREE SETTING ของภาครัฐต้องปรับให้เหมาะสมกับสถานประกอบการต่างๆ ให้สามารถปฏิบัติตามได้ ทั้งเรื่องการได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม และต้องตรวจ ATK ตามกำหนดระยะ ขณะที่ผู้ประกอบการและประชาชนจะต้องมีวินัยเพื่อลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น และจะทำให้การเปิดประเทศเป็นไปอย่างยั่งยืน” นายสนั่นกล่าว
นายสนั่นกล่าวว่า หอการค้าไทยยังได้เสนอแนวทางเรื่อง Digital Health Pass เสริมการทำงานของภาครัฐ เพื่อให้ประเทศไทยสามารถรองรับปริมาณนักเดินทางที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่นักเดินทาง ยกระดับมาตรฐานการท่องเที่ยวด้วยการนำระบบ Digital เข้ามาใช้ สร้างความประทับใจให้นักท่องเที่ยวกลับไปบอกต่อ และดึงดูดคนให้เข้ามาประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจของประเทศฟื้นกลับมาไม่ใช่เฉพาะภาคท่องเที่ยว แต่จะกระจายไปยังหลายๆ ภาคส่วนต่อไป
“หอการค้าไทยคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเพิ่มเติมประมาณเดือนละ 1 แสนราย ซึ่งจะส่งผลให้ GDP ในปีนี้เติบโตเพิ่มมากขึ้น แต่ยังคงอยู่ในกรอบ 0-1% ส่วนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศส่วนอื่นๆ ที่หอการค้าไทยได้เคยเสนอไปจะส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นของ GDP ได้มากกว่า ทั้งการผ่อนคลายกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ การเพิ่มเงินคนละครึ่งจาก 3,000 บาทเป็น 6,000 บาท และมาตรการช้อปดีมีคืน” นายสนั่นกล่าว
ทั้งนี้ ประเทศไทยยังจำเป็นต้องมีมาตรฐาน มีระบบ และมีการควบคุมสถานการณ์ที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน แต่แยกคุมโซนตามสถานการณ์ความเสี่ยงในแต่ละพื้นที่ โดยให้คำนึงถึงความปลอดภัย และมีความเข้มงวดเพื่อให้ไม่เกิดการระบาดขึ้นมาอีกรอบ