บี.กริม เพาเวอร์ เผยโครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์ม กัมพูชา 39 เมกะวัตต์ คว้ารางวัลโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มยอดเยี่ยม International Finance Award - IFA 2021 : Best New Solar PV Project, Cambodia ตอกย้ำผู้นำธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ของภูมิภาคอาเซียน
นายฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน บี.กริม และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM เปิดเผยว่า โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน (Solar Farm) ดำเนินการโดยบริษัท เรย์ เพาเวอร์ ซัพพลาย จำกัด - Ray Power Supply Co., Ltd. (บริษัท บี.กริม โซลาร์ เพาเวอร์ 1 จำกัด ถือหุ้น 100%) ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองศรีโสภณ จังหวัดบันทายมีชัย (หรือบันเตียเมียนเจย) ประเทศกัมพูชา ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 39 เมกะวัตต์
ล่าสุดได้รับการคัดเลือกให้รับรางวัลระดับนานาชาติ Best New Solar PV Project, Cambodia ประจำปี 2021 (2654) ในสาขา Utility / Energy สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมสาธารณูปโภคและพลังงาน โดยนิตยสารธุรกิจและการเงินชั้นนำ “International Finance”
โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ฯ ในประเทศกัมพูชา ถือเป็นโครงการที่ประสบความสำเร็จได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดตามแผนการลงทุนและกำหนดระยะเวลาที่วางไว้ แม้ว่าในปีที่ผ่านมาบริษัทจะต้องบริหารโครงการท่ามกลางปัญหาและข้อจำกัดมากมาย ทั้งสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และอุทกภัยที่ร้ายแรงที่เกิดขึ้นในพื้นที่ก่อสร้างตลอดช่วงปี 2563 ก็ตาม การได้รับรางวัลยอดเยี่ยมอีกครั้งนี้เป็นความภาคภูมิใจ และมีความพร้อมในการขยายฐานกำลังการผลิตไฟฟ้า ให้ครอบคลุมไปยังหน่วยงานภาครัฐและเอกชนทั้งในไทยและต่างประเทศให้ได้อย่างกว้างขวางและมีคุณภาพมากที่สุดด้วย
โครงการพลังงานแสงอาทิตย์ฯ ดังกล่าวมีกำลังการผลิตติดตั้ง 39 เมกะวัตต์ มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ระยะเวลา 20 ปี กับการไฟฟ้าประเทศกัมพูชา (Electricite Du Cambodge - EDC) ซึ่งได้ดำเนินการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) เป็นที่เรียบร้อยเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2563 ซึ่งถือเป็นบริษัทไทยรายแรกในประวัติศาสตร์ที่สามารถสร้างโครงการโรงไฟฟ้า Solar Farm ภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ซึ่งได้รับการค้ำประกันสัญญาจากรัฐบาลประเทศกัมพูชาได้เป็นผลสำเร็จ
ปัจจุบัน บี.กริม เพาเวอร์ มีโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วในปี 2564 รวม 50 โครงการ จำนวนกำลังผลิตรวม 3,058 เมกะวัตต์ โดยบริษัทตั้งเป้าการมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอีกเป็นจำนวน 7,200 เมกะวัตต์ในปี 2568 และเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องต่อไปเป็น 10,000 เมกะวัตต์ภายในปี 2573 ด้วยเป้าหมายรายได้กว่า 100,000 ล้านบาท พร้อมกับการกำหนดเป้าหมายระยะยาวที่สำคัญ คือ การก้าวสู่องค์กรที่ไม่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือ Net-Zero Carbon Emissions ได้ภายในปี ค.ศ. 2050