ผู้ถือหุ้น "ผาแดงอินดัสทรี" ไฟเขียวเดินหน้ารุกธุรกิจโรงแรมเต็มตัว เข้าซื้อโรงแรมดัง Four Seasons Hotel Bangkok และ Capella Bangkok เพิ่มเป็น 100% เตรียมขายธุรกิจโซลาร์ฟาร์มที่เหลือทั้งหมด พร้อมรีแบรนด์บริษัทสู่ “Bound and Beyond” (BEYOND) และเปลี่ยนชื่อบริษัท จาก" ผาแดง อินดัสทรี" เป็น "เบาด์ แอนด์ บียอนด์"
นายทอมมี่ เตชะอุบล กรรมการผู้จัดการ กล่าวในนามของคณะกรรมการบริษัทและผู้บริหาร บริษัท ผาแดงอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ PDI เปิดเผยว่า บริษัทขอขอบพระคุณท่านผู้ถือหุ้นที่พิจารณาอนุมัติทุกวาระและให้การสนับสนุนวิสัยทัศน์และทิศทางใหม่ของบริษัท โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเข้าลงทุนเพิ่ม 49% ในบริษัท เออร์เบิร์น รีสอร์ท โฮเต็ล จำกัด (URH) และบริษัท วอเตอร์ฟร้อนท์ โฮเต็ล จำกัด (WFH) จากบริษัท แลนด์มาร์ค โฮลดิ้งส์ จำกัด (LH) เพื่อเข้าเป็นเจ้าของโรงแรมชั้นนำอย่าง Four Seasons Hotel Bangkok และ Capella Bangkok ซึ่งทั้ง 2 โรงแรมเป็นโรงแรมเปิดใหม่สุดหรู ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกทันสมัยมากมาย บริหารจัดการโดยเครือโรงแรมที่มีชื่อเสียงระดับโลกอย่าง Four Seasons และ Capella และได้รับรางวัลการันตีคุณภาพมาแล้วหลายรายการ โดยล่าสุด Capella Bangkok ได้รับรางวัลอันดับ 4 Best Hotel in the World จาก Travel + Leisure's 2021
พร้อมกันนี้ ผู้ถือหุ้นยังได้อนุมัติเปลี่ยนแปลงชื่อบริษัท เป็นบริษัท เบาด์ แอนด์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) (Bound and Beyond Public Company Limited) โดยมีชื่อย่อหลักทรัพย์ใหม่ว่า “BEYOND” เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายการดำเนินธุรกิจและทิศทางของบริษัทที่จะดำเนินต่อไปในอนาคตและสะท้อนความเหนือระดับของการก้าวเป็นเจ้าของและผู้บริหารโรงแรมดังระดับโลก
จากเดิมที่บริษัทเคยทำธุรกิจเกี่ยวกับพลังงานและสาธารณูปโภค ได้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ ผันตัวมาทำธุรกิจโรงแรมอย่างเต็มตัว ภายใต้ชื่อใหม่ “BEYOND” โดยเริ่มต้นธุรกิจนี้ด้วยการเข้าลงทุนในโรงแรมหรูชั้นนำอย่าง Four Seasons Hotel Bangkok และ Capella Bangkok ซึ่งเป็นการปูทางให้บริษัทก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในผู้นำในกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมของประเทศไทย นอกจากนี้ในอนาคต BEYOND จะพัฒนาโรงแรมภายใต้แบรนด์และการบริหารของตนเอง
โดยโครงการแรกอยู่ที่ย่านธุรกิจสำคัญอย่างถนนสาทร มีมูลค่าโครงการประมาณ 1,500 ล้านบาท ธุรกิจการท่องเที่ยวและการโรงแรมเป็นอุตสาหกรรมสำคัญที่ผลักดันเศรษฐกิจของประเทศไทย ซึ่งได้รับการยอมรับจากนักท่องเที่ยวต่างชาติทั่วโลก บริษัทได้ประเมินว่าช่วงสถานการณ์ที่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวอยู่ในช่วงซบเซานี้เป็นโอกาสทองให้เราได้ของดีในราคาที่คุ้มค่าต่อบริษัท ขณะนี้สถานการณ์การท่องเที่ยวเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น ผู้คนเริ่มเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ บริษัทเชื่อว่าหลังจากที่สถานการณ์โควิด-19 ทุเลาลง อุตสาหกรรมท่องเที่ยวและการโรงแรมจะกลับมาโตอย่างน่าจับตามอง” นายทอมมี กล่าวเสริม
ทั้งนี้ ผู้ถือหุ้นได้อนุมัติขายกิจการบริษัท พีดีไอ เอ็นเนอร์ยี จำกัด (PDIE) ให้แก่บริษัท บาฟส์ คลีน เอนเนอร์ยี่ คอร์เปอเรชั่น จำกัด (BC) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของบริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BAFS) มูลค่ารวม ประมาณ 768 ล้านบาท
โดย PDIE เป็นเจ้าของเงินลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 2 แห่ง ในประเทศญี่ปุ่น กำลังการผลิตรวม 13 เมกะวัตต์ โดยเมื่อวัน 1 มีนาคม 2564 ที่ผ่านมา บริษัทได้ดำเนินการขายกิจการโรงไฟฟ้าทั้งหมดในประเทศไทย กำลังการผลิตรวม 36.4 เมกะวัตต์ ให้ BC เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และได้รับเงินสดเข้ามากว่า 1,704.67 ล้านบาท เงินสดรับจากการขายโรงไฟฟ้าในประเทศญี่ปุ่นครั้งนี้จะถูกนำไปใช้ในการเตรียมความพร้อมทางด้านเงินสดให้แก่บริษัทในการชำระคืนหุ้นกู้ที่ใกล้ครบกำหนดชำระและเตรียมความพร้อมด้านเงินลงทุนสำหรับเข้าลงทุนในธุรกิจโรงแรมในอนาคตต่อไป