ส.อ.ท.ขานรับนโยบายรัฐเปิดประเทศเตรียมจัดงานยิ่งใหญ่ “FTI EXPO 2022” ระหว่าง 2-6 ก.พ. 2565 ที่ศูนย์ประชุมนานาชาติเชียงใหม่ ปลุกอุตสาหกรรมไทยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ หวังผู้เข้างานระดับแสนคน ต่อยอดเจรจาธุรกิจระดับ 1,000 ล้านบาท แนะทุกฝ่ายปรับตัวรับกระแสดิจิทัล หนุน BCG สร้างจุดต่าง ย้ำในวิกฤตโควิด-19 ยังมีโอกาส
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)เปิดเผยภายในงานประชุมสามัญประจำปี 2564 ส.อ.ท.ผ่านการประชุมรูปแบบ Virtual Conference ว่า เพื่อเป็นการรองรับการเปิดประเทศของไทย ส.อ.ท.เตรียมจัดงาน ส.อ.ท.เอ็กซ์โป Made in Thailand หรือ FTI EXPO 2022 ซึ่งจะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 2-6 ก.พ. 2565 ณ ศูนย์ประชุมนานาชาติเชียงใหม่ ที่จะเป็นการนำเสนอศักยภาพของอุตสาหกรรมเพื่อจุดประกายการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของวงการอุตสาหกรรมไทย คาดว่าในงานดังกล่าวจะมีผู้เข้าชมประมาณ 100,000 คน และมียอดการเจรจาทางธุรกิจไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งจะมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย
“เพื่อเป็นการขานรับนโยบายเปิดประเทศ ในงานนี้จะมีพื้นที่มากกว่า 30,000 ตารางเมตร การแสดงสินค้าอุตสาหกรรมครอบคลุม 11 คลัสเตอร์ มีบูทนานาชาติ มีการประชุมสัมมนาและการเจรจาธุรกิจ โดยในงานเราจะชูแนวคิด BCG โมเดล หรือ Bio Cicular Green Economy โดยจะมีระดับนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องมาร่วมเปิดงาน ที่จะทำให้ภาคอุตสาหกรรมเราเข้มแข็งขึ้น” นายสุพันธุ์กล่าว
ทั้งนี้ แม้ว่าไทยจะเผชิญกับวิกฤตโควิด-19 แต่ทุกวิกฤตหากมีการปรับตัวก็จะพบกับโอกาสได้ แต่ทุกส่วนต้องปรับตัวให้ก้าวทันกับกระแสโลกที่เปลี่ยนแปลงไปโดยเฉพาะกระแสของดิจิทัล และสิ่งแวดล้อม ซึ่ง BCG จะเข้ามาตอบโจทย์อย่างมาก และ ส.อ.ท.ได้มุ่งเน้นบริการ 360 องศาแก่สมาชิกครอบคลุมทุกมิติ ขณะเดียวกัน ทางด้านนวัตกรรมซึ่งธุรกิจขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี) ของไทยเข้าถึงสิ่งเหล่านี้ได้ยากมาก สถาบันนวัตกรรมเพื่ออุตสาหกรรมของ ส.อ.ท.จึงเตรียมจัดตั้งกองทุนนวัตกรรมโดยให้ธุรกิจขนาดใหญ่ระดมเงินเข้ามาสนับสนุน และจากภาครัฐเบื้องต้นจะมีวงเงินประมาณ 1,000-2,000 ล้านบาทเพื่อช่วยเหลือเอสเอ็มอีให้เข้าถึงการพัฒนานวัตกรรมอย่างครบวงจร เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ส.อ.ท.ยังคงมุ่งมั่นช่วยเหลือสมาชิกให้อยู่รอดจากวิกฤตโควิด-19 และตามคอนเซ็ปต์ “FTI Together We Can” ทั้งการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามที่ จ.สมุทรสาคร มีการจัดหาวัคซีนทางเลือก คือ ซิโนฟาร์ม กับราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ให้แก่สมาชิกไปแล้วกว่า 7 แสนโดส ซึ่งเห็นว่ามีความจำเป็นที่ภาครัฐบาลต้องเร่งฉีดให้แก่ประชาชนโดยเร็วที่สุดเพื่อให้เศรษฐกิจกลับมาโดยเร็ว