บอร์ด กทพ.อนุมัติผลประมูลทางด่วนพระราม 3-ดาวคะนอง “ยูเอ็น-ซีซี” คว้าสัญญา 1 วงเงิน 7,350 ล้าน “ไอทีดี-วีซีบี” ซิวสัญญา 3 วงเงิน 7,359.3 ล้าน “ผู้ว่าฯ กทพ.” เผยกรณีรับเหมาร้อง กก.อุทธรณ์ ชี้ฟังไม่ขึ้น ยันทำตามระเบียบจัดซื้อครบถ้วน ส่วนคดีศาลปกครองหากมีคำสั่งใดพร้อมปฏิบัติตาม
นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) กทพ. ครั้งที่ 11/2564 วันที่ 23 ก.ย. ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้กิจการร่วมค้า ยูเอ็น-ซีซี เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้างโครงการทางพิเศษสายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก ในสัญญาที่ 1 วงเงิน 7,350 ล้านบาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และกิจการร่วมค้าไอทีดี-วีซีบี เป็นผู้ก่อสร้างในสัญญาที่ 3 วงเงิน 7,359.3 ล้านบาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่มตามที่ กทพ. เสนอ
ทั้งนี้ จากกรณีร้องเรียนของ บริษัท ไชน่า สเตท คอนสตรัคชั่น เอนยิเนียริ่ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด ในการประมูลรอบแรกนั้น คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์และร้องเรียนได้พิจารณาแล้ว ข้อกล่าวอ้างของผู้ร้องเรียนฟังไม่ขึ้น โดย กทพ.ได้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีประกวดราคาทางอิเล็กทรอนิกส์เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในพระราชบัญญัติฯ กฎกระทรวง ระเบียบฯ หรือประกาศที่ออกตามความในพระราชบัญญัติฯ รวมถึงได้เข้าร่วมโครงการข้อตกลงคุณธรรม (Integrity Pact) โดยมีผู้สังเกตการณ์จากองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) เข้าร่วมสังเกตการณ์การดำเนินงานในทุกขั้นตอนตั้งแต่เริ่มต้น การดำเนินการของ กทพ.จึงไม่ขัดต่อมาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560
ในส่วนการฟ้องร้องดำเนินคดีในศาลปกครองกลาง หากศาลปกครองกลางได้มีคำสั่งหรือคำพิพากษาเป็นประการใด กทพ.ซึ่งเป็นหน่วยปฏิบัติ ก็จะปฏิบัติตามคำสั่งหรือคำพิพากษาทันที ดังที่ กทพ.ได้ปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาโดยตลอด
ทั้งนี้ ตามแผนงานคาดว่าจะลงนามในสัญญากับผู้รับจ้างได้ในเดือน ต.ค. 2564 เพื่อเร่งรัดการก่อสร้าง ในสัญญา 1 และสัญญา 3 โดย กทพ.ได้มีการปรับลดระยะเวลาการก่อสร้างของสัญญาที่ 1 และ 3 จาก 39 เดือนให้เหลือเพียง 34 เดือน เพื่อให้ลดความเสียหายจากปัญหาการประมูลล่าช้า ซึ่งจะสามารถช่วยลดปัญหาการจราจรที่ติดขัดเป็นอย่างมากในชั่วโมงเร่งด่วนและในวันหยุดช่วงเทศกาลต่างๆ บนถนนพระรามที่ 2 อีกทั้งยังเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการเดินทางและสัญจรของประชาชนในพื้นที่ชานเมืองและจังหวัดที่อยู่รอบนอกกรุงเทพมหานคร รวมถึงเป็นเส้นทางสัญจรลงสู่ภาคใต้ พร้อมทั้งช่วยลดต้นทุนด้านการขนส่งตลอดจนต้นทุนค่าใช้จ่ายโลจิสติกส์อีกด้วย
ที่ผ่านมา กทพ.ได้สอบถามไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นทางการ เช่นกรมบัญชีกลาง ถึงขั้นตอนในการดำเนินการประกวดราคา ซึ่งยืนยันว่าได้ดำเนินการทุกขั้นตอนครบถ้วนตาม พ.ร.บ.จัดซื้อฯ กทพ.จึงเดินหน้าตามขั้นตอนต่อไป คือประกาศผลผู้ชนะและลงนามสัญญา ส่วนกรณีที่มีการยื่นต่อศาลปกครองนั้น กทพ.ได้แจ้งต่อศาลเพื่อขอให้พิจารณาเร่งด่วน เนื่องจากโครงการมีปัญหาล่าช้าแล้ว หากยิ่งล่าช้าออกไปจะเกิดความเสียหาย ซึ่ง กทพ.ในฐานะหน่วยงานรัฐ ต้องปฏิบัติตามระเบียบและคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศ และประโยชน์สาธารณะเป็นหลัก
หาก กทพ.ไม่สามารถดำเนินการก่อสร้างได้ตามแผนจะส่งผลกระทบเสียหายหลายประการ เช่น ความเสียหายจากการสูญเสียรายได้ค่าผ่านทาง คิดเป็น 133.8 ล้านบาท/เดือน ความเสียหายทางด้านเศรษฐกิจ คิดเป็น 544 ล้านบาท/เดือน และความเสียหายจากต้นทุนการก่อสร้างโครงการที่สูงขึ้นคิดเป็น 124 ล้านบาท/เดือน ทั้งนี้ ราคาค่าก่อสร้าง ณ เดือนกันยายน 2564 ได้พุ่งสูงขึ้นจากราคากลางไปกว่า 575 ล้านบาทแล้ว