กกพ.ประกาศผลผู้ที่ได้รับการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนฯ แล้วทั้งสิ้น 43 ราย รวมปริมาณขายไฟฟ้า 149.50 เมกะวัตต์ ค่าไฟเสนอขายเฉลี่ย 3.18 บาทต่อหน่วย แบ่งเป็นโรงไฟฟ้าชีวมวล 16 ราย ก๊าซชีวภาพ 27 ราย
นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า มีผู้ได้รับการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก (โครงการนำร่อง) จำนวนทั้งสิ้น 43 ราย คิดเป็นปริมาณพลังงานไฟฟ้าเสนอขายรวม 149.50 เมกะวัตต์ (ค่าไฟฟ้าเสนอขายเฉลี่ย 3.1831 บาทต่อหน่วย) แบ่งเป็นโรงไฟฟ้าชุมชนประเภทชีวมวลจำนวน 16 ราย ปริมาณพลังงานไฟฟ้าเสนอขายรวม 75.00 เมกะวัตต์ (ค่าไฟฟ้าเสนอขายเฉลี่ย 2.7972 บาทต่อหน่วย) และโรงไฟฟ้าชุมชนประเภทก๊าซชีวภาพรวม 27 ราย ปริมาณพลังงานไฟฟ้าเสนอขายรวม 74.50 เมกะวัตต์ (ค่าไฟฟ้าเสนอขายเฉลี่ย 3.5717 บาทต่อหน่วย) ตามกรอบเป้าหมายการรับซื้อไฟฟ้าที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) กำหนดเป้าหมายจากเชื้อเพลิงชีวมวล 75 เมกะวัตต์ และเชื้อเพลิงก๊าซชีวภาพ 75 เมกะวัตต์
ทั้งนี้ ผู้ที่ผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการฯ ทั้งหมดจะต้องยอมรับเงื่อนไขการลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคภายใน 7 วัน และลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าภายใน 120 วัน หลังประกาศรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการฯ โดยกำหนดวันจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ ภายใน 36 เดือนนับจากวันลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า หรือภายในวันที่ 21 มกราคม 2568 อย่างไรก็ตาม หากผู้เสนอราคารายใดมีข้อสงสัยและต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับการพิจารณาด้านราคา สามารถติดต่อสำนักงาน กกพ. ได้ที่ 0-2207-3599 ต่อ 855 ในวันทำการ เวลา 09.30-15.30 น.
“สำนักงาน กกพ.จะดำเนินการจัดสัมมนาผู้ผ่านการคัดเลือกเพื่อชี้แจงแนวทางในการพัฒนาโครงการตาม พ.ร.บ.การประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 และการปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง เช่น การเตรียมเอกสารเพื่อประกอบการลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า การจัดเตรียมเอกสาร COP การจัดรับฟังความเห็นเพื่อทำความเข้าใจกับชุมชนในพื้นที่ การขอรับใบอนุญาต และการจัดตั้งกองทุนพัฒนาไฟฟ้า เพื่อให้สามารถพัฒนาโครงการได้อย่างราบรื่น อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ทำให้โครงการโรงไฟฟ้าชุมชนฯ ประสบความสำเร็จและเกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนขึ้นอยู่กับความเข้าใจของชุมชน เกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการโรงไฟฟ้า จึงอยากให้ผู้ที่เกี่ยวข้องพัฒนาโครงการแบบถ้อยทีถ้อยอาศัยเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการและเป็นต้นแบบของโรงไฟฟ้าชุมชนในระยะต่อไป” นายคมกฤชกล่าว