"คิวทีซี เอนเนอร์ยี่" เดินหน้าลงทุนธุรกิจหม้อแปลง-เทรดดิ้งเต็มสูบ ผู้บริหาร “พูลพิพัฒน์ ตันธนสิน” มั่นใจรายได้ทั้งปีโตเข้าเป้า 1,200 ล้านบาท จากทิศทางการจำหน่ายหม้อแปลงทั้งในประเทศ และต่างประเทศยังไปได้สวย ล่าสุดคว้างาน กฟภ. มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท หนุน Backlog แตะ 465 ล้านบาท
นายพูลพิพัฒน์ ตันธนสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ (QTC) เปิดเผยถึงภาพรวมธุรกิจในช่วงที่เหลือของปีนี้ว่า บริษัทฯ ยังคงวางกลยุทธ์เชิงรุกสำหรับการเจาะตลาดทั้งในธุรกิจการจำหน่ายและให้บริการหม้อแปลงไฟฟ้า ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพัฒนานวัตกรรมหม้อแปลงไฟฟ้าใหม่ๆ เพิ่มขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงลูกค้าในกลุ่มประเทศ ASEAN ขณะที่ธุรกิจเทรดดิ้ง ซึ่งบริษัทฯ เป็นตัวแทนจำหน่ายโซลาร์เซลล์ ให้ LONGI Solar, Trina Solar การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ Huawei Solar Inverter รวมไปถึงการจำหน่าย DE BUSDUCTนั้น
บริษัทฯ ยังคงขยายตลาดในกลุ่มลูกค้าใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง เพราะผลิตภัณฑ์ดังกล่าวยังมีความต้องการต่อเนื่องทั้งในภาครัฐและเอกชน ซึ่งจากความต้องการที่สูงขึ้นส่งผลให้บริษัทฯ มีการเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์แผงโซลาร์เซลล์ ผ่าน E-Commerce แพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อขยายตลาดกลุ่มลูกค้าให้เป็นวงกว้างมากขึ้น จากปัจจุบันจำหน่ายในกลุ่มลูกค้าองค์กรเท่านั้น
พร้อมกันนี้ บริษัทฯ มีแผนศึกษาตลาดเพื่อจำหน่ายแผงโซลาร์เซลล์ให้กลุ่มผู้ประกอบการด้านโซลาร์ฟาร์ม เนื่องจากสินค้าดังกล่าวมีความต้องการใช้ในตลาดสูงขึ้นหลังจากที่ภาครัฐส่งเสริมให้มีการใช้พลังงานสะอาด ทำให้กลุ่มผู้ประกอบการดังกล่าวหันมาให้ความสำคัญในการใช้แผงโซลาร์เซลล์มากยิ่งขึ้น
ล่าสุด บริษัทฯ คว้างานประมูลจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) กว่า 100 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทฯ มีมูลค่างานในมือ (Backlog) ไปแตะที่ระดับ 465 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะทยอยส่งมอบได้ภายในปีนี้
ส่วนประมาณการอัตราการเติบโตรายได้ในปีนี้ บริษัทฯ ยังคงตั้งไว้ที่ระดับ 1,200 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นสัดส่วนรายได้จากธุรกิจหม้อแปลงไฟฟ้า 80% (ภาครัฐ 20-30% ภาคเอกชน 30-40% และต่างประเทศ 30-40%) ขณะที่ธุรกิจเทรดดิ้ง 10-20% โดยในช่วงครึ่งปีแรกของ 2564 บริษัทฯ มีความสามารถนการทำรายได้รวมแล้วที่ 528.30 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิที่ 45.14 ล้านบาท
“บริษัทฯ มุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจด้านพลังงาน ควบคู่กับการพัฒนานวัตกรรมหม้อแปลงไฟฟ้าใหม่ๆ เพื่อต่อยอดธุรกิจหม้อแปลงไฟฟ้าให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าทั้งภาครัฐและภาคเอกชน โดยเฉพาะลูกค้าในกลุ่มประเทศอาเซียนที่มีความต้องการใช้หม้อแปลงไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้นตามการขยายตัวเศรษฐกิจ หลังจากสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้น พร้อมทั้งศึกษาแผนการลงทุนใหม่ๆ รวมถึงเดินเกมรุกทางการตลาดเพื่อต่อยอดและขยายฐานกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้บริษัทฯ ในอนาคต” นายพูลพิพัฒน์ กล่าว