กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) เดินหน้าสางปมลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรมในพื้นที่จังหวัดลพบุรี โดยสอบหาต้นตอทั้งผู้ขนส่ง ผู้รับกำจัด ผู้ก่อกำเนิดทั้งหมด รุดลงพื้นที่ขุดดูปริมาณขยะอีกครั้งพุธนี้ คาดสรุปผลได้ภายในสัปดาห์นี้ มั่นใจระบบ E-Fully Manifest ที่กำลังทดสอบจะควบคุมได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมเล็งเพิ่มบทลงโทษให้มากขึ้นในระยะต่อไป
นายสหวัฒน์ โสภา รองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยถึงกรณีการลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรมในพื้นที่ตำบลดีลัง อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี ว่า กรอ.กำลังเร่งตรวจสอบรายละเอียดว่ามีผู้กระทำผิดเพิ่มเติมหรือไม่ โดยเฉพาะโรงงานผู้เป็นเจ้าของขยะและบริษัทรับกำจัดกากอุตสาหกรรม โดยคาดว่าจะรู้ผลภายใน 3 วันหรือจะได้ข้อสรุปภายในสัปดาห์นี้ และเมื่อทราบผู้กระทำผิดทั้งหมดแล้วก็จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป หลังจากที่เบื้องต้นได้มีการแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ นายสุเทพ ขวัญตา ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ในการทิ้งกากอุตสาหกรรมไปแล้ว
“กรอ.ได้แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ นายสุเทพ ขวัญตา ซึ่งเป็นเจ้าของที่ที่ทิ้งกากอุตสาหกรรมไปแล้วตามความผิด พ.ร.บ.โรงงาน และจะดำเนินคดีความผิดตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตรายอีกส่วนฐานครอบครองวัตถุอันตรายโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ส่วนต้นตอของขยะคือโรงงานที่รับกำจัดขยะหากพบว่ารู้เห็นเป็นใจก็จะผิดทั้งหมดแต่ขณะนี้ยังต้องรอผลการพิสูจน์ก่อน โดยพนักงานสอบสวนจะมีการเรียกทั้งเจ้าของที่ดินและรถที่พบในที่เกิดเหตุ 2 คันมาให้ปากคำ เราก็กำลังคิดว่าอาจจะประสานกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) มาร่วมดำเนินการด้วย” นายสหวัฒน์กล่าว
ทั้งนี้ วันที่ 22 ก.ย. กรอ.จะส่งเจ้าหน้าที่ลงไปขุดดินเพื่อตรวจสอบและพิสูจน์ทราบว่ามีปริมาณสารเคมีในปริมาณมากน้อยเพียงใด ซึ่งพื้นที่เดิมมีลักษณะเป็นบ่อที่มีการขุดดินออกไปเกิดเป็นแอ่งน้ำ มีขนาดเนื้อที่ประมาณ 25 ไร่ จากการประเมินด้วยสายตาเบื้องต้นคาดว่าบ่อดังกล่าวมีความลึกประมาณ 10 เมตร ด้านหน้าติดถนน มีการกองของเสียที่มีลักษณะเป็นของเสียอุตสาหกรรม และของเสียอื่นๆ ปะปนกัน โดยคาดว่าจะมาจากหลายแหล่งที่มา
“กรอ.ได้เก็บตัวอย่างของเหลวไม่ทราบชนิด ของเสียที่อยู่ในบริเวณดังกล่าว เพื่อนำมาวิเคราะห์ เเละสืบหาผู้กระทำผิด ซึ่งหากได้ข้อมูลรถขนส่งที่นำกากอุตสาหกรรมไปลักลอบทิ้งในบริเวณดังกล่าวแล้ว กรอ.จะร้องทุกข์กล่าวโทษต่อผู้ขนส่ง ผู้รับกำจัด ผู้ก่อกำเนิด ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อพนักงานสอบสวนจะได้เรียกตัวเจ้าของที่ดิน เจ้าของรถ และพยานที่พบเห็นเหตุการณ์เข้าให้ปากคำ และสืบหาต้นตอของของเสียที่นำมาลักลอบทิ้งต่อไป” รองอธิบดี กรอ.กล่าว
นายสหวัฒน์กล่าวว่า ในอดีตที่ผ่านมาการขออนุญาตการขนส่งกากอุตสาหกรรมจะเป็นการขออนุญาตผ่านการยื่นขอทางเอกสาร ต่อมาได้มีการพัฒนาการขออนุญาตผ่านระบบอิเล็อทรอนิกส์ ซึ่งกรณีการขนย้ายกากของเสียอันตรายนั้นจะต้องมีใบรับผิดชอบการขนส่งที่ต้องส่งปลายทางจริง ซึ่งระบบนี้สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ระดับหนึ่ง แต่ยอมรับว่าด้วยการใช้มาเกือบ 20 ปีจึงล้าสมัยในปีงบประมาณ 2564 กรอ.จึงได้จัดทำระบบบริหารจัดการกากอุตสาหกรรมแบบครบวงจร (E-Fully Manifest) ซึ่งสามารถกำกับการขนย้ายของเสียอันตรายตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทางมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยขณะนี้อยู่ระหว่างทดสอบระบบที่ดำเนินการมาได้ 1 เดือนแล้ว และคาดว่าในปีนี้จะใช้ได้อย่างสมบูรณ์เต็มที่ และต่อไป กรอ.จะเพิ่มโทษทั้งปรับและจำคุกเพิ่มขึ้นประกอบด้วย
“เราต้องตรวจสอบรถบรรทุกที่วิ่งเข้าพื้นที่ทั้งหมด เวลานี้เรารู้ทะเบียนชัดเจนแล้ว ขอเวลาอีก 3 วันและระบบเราเพิ่งนำร่องใช้ก็ถือว่าโชคดีที่มีระบบตรวจจับพอดี ซึ่งยืนยันว่ามีรถ 2-3 คันอยู่ในระบบของ กรอ. แต่การลักลอบครั้งนี้เข้าใจว่ามีรถมากกว่าที่ระบุ ถ้าไม่อยู่ในระบบก็ตรวจสอบไม่ได้ แต่ที่มีอยู่เราตรวจสอบได้แล้ว” รองอธิบดี กรอ.กล่าว