“ทูตพาณิชย์ดูไบ” เผยรัฐบาลยูเออีประกาศยุทธศาสตร์เศรษฐกิจใหม่ มุ่งนำอุตสาหกรรมการผลิตของยูเออีเข้าสู่เวทีโลก และผลักดันให้ประเทศเป็นศูนย์กลางในนวัตกรรมและแรงงานทักษะด้านอุตสาหกรรมขั้นสูง ชี้เป็นโอกาสในการเข้าไปลงทุนของผู้ประกอบการไทย เหตุเศรษฐกิจมั่นคง มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ถือหุ้นได้ 100%
นายปณต บุณยะโหตระ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 5 ก.ย. 2564 ที่ผ่านมา สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ได้ประกาศยุทธศาสตร์เศรษฐกิจใหม่เพื่อมุ่งพัฒนาประเทศสู่อนาคตภายใต้แผน The Principles of the 50 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญ Projects of the 50 ยุทธศาสตร์ชาติ 50 ปีอย่างเป็นทางการ โดยมีเป้าหมายนำอุตสาหกรรมการผลิตของยูเออีเข้าสู่เวทีโลก รวมถึงผลักดันให้ประเทศเป็นศูนย์กลางในนวัตกรรมและแรงงานทักษะทางด้านอุตสาหกรรมขั้นสูงในระดับโลก พัฒนาอุตสาหกรรมผลิตสินค้านวัตกรรมแห่งอนาคต ให้กลายเป็นแรงผลักดันเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ ยูเออีมองว่าความท้าทายใหม่ในโลกปัจจุบันที่แม้ว่าเทคโนโลยีจะถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือช่วยอย่างแพร่หลาย แต่กำลังคนหรือแรงงานกลับยังขาดแคลนและมีความต้องการสูง โดยเฉพาะการขาดแคลนแรงงานทักษะสูงได้ส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ ผู้นำขององค์กรธุรกิจในยูเออีและทั่วโลกต่างใช้กลยุทธ์ในการสร้าง รักษาและค้นหาแรงงานกลุ่มนี้เพื่อขับเคลื่อนองค์กรและธุรกิจให้เติบโต
นายปณตกล่าวว่า รัฐบาลยูเออีสนับสนุนอุตสาหกรรมผลิตสินค้านวัตกรรมสร้างสรรค์ในประเทศอย่างต่อเนื่อง ด้วยเห็นว่าเป็นธุรกิจแห่งอนาคตที่สามารถเพิ่มการเติบโตทางเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงเร่งพัฒนาบุคลากรรองรับการขยายตัวของธุรกิจ รวมทั้งสนับสนุนธุรกิจสตาร์ทอัพเต็มกำลัง เช่น ในภาคการเกษตร รัฐบาลดูไบสร้างเขตเศรษฐกิจแห่งใหม่ (Economic Zone) โครงการเรียกว่า Food Tech Valley เพื่อเป็นศูนย์กลางผลิตอาหารที่สะอาดและผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรในอนาคต เป็นศูนย์บ่มเพาะสําหรับนักวิจัย ผู้ประกอบการสตาร์ท และผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องในการพัฒนาระบบที่มีศักยภาพในการวางแผนอนาคตของอุตสาหกรรมอาหาร
อย่างไรก็ตาม แม้ว่ายูเออีจะมีการแข่งขันสูง แต่ยังมีโอกาสมากมายให้นักลงทุนต่างชาติ การเป็นศูนย์กลางทางการเงินในภูมิภาคทำให้มีชาวต่างชาติย้ายเข้ามาทำงาน อีกทั้งการปฏิรูปกฎหมายต่างๆ ของยูเออียังเอื้ออำนวยต่อการลงทุน หากนักลงทุนไทยศึกษาวิเคราะห์ลักษณะตลาดการค้าในยูเออีและวางแผนการดำเนินธุรกิจอย่างรอบคอบ ย่อมเป็นอีกหนึ่งตลาดที่มีศักยภาพสำหรับการค้าและการลงทุนอย่างแน่นอน
สำหรับเหตุผลที่สนับสนุนการลงทุนในยูเออี เพราะเศรษฐกิจมั่นคง สะดวกในการเริ่มธุรกิจ ความได้เปรียบที่ตั้งประเทศและมีเงินกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ SWF ขนาดใหญ่, ยูเออีเป็นประเทศได้รับการจัดอันดับต้นๆ จาก 100 ประเทศทั่วโลกในการพัฒนาแบบยั่งยืน, มีสายการบินแห่งชาติบินเชื่อมกว่า 250 เมือง และมีเที่ยวบินขนส่งสินค้าประมาณ 400 เมืองทั่วโลก, มีระบบขนส่งสินค้าทางอากาศ ทะเลและทางบก สะดวก คุณภาพมาตรฐานระดับสากล, มีเขตอุตสาหกรรมพิเศษ (Free Zones) ในประเทศมากกว่า 40 แห่ง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน พร้อมสำหรับการลงทุนระยะยาว, รัฐบาลอนุญาตให้ชาวต่างชาติเข้ากิจการถือหุ้นได้ 100% และไม่ต้องมีหุ้นส่วนเป็นชาวท้องถิ่น ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนดสำหรับบางประเภทธุรกิจ, ไม่เก็บภาษีเงินได้ยกเว้นกฎหมายภาษีอากรถูกนำไปใช้เฉพาะธุรกิจธนาคารต่างประเทศ น้ำมันและก๊าซ, ภาษีนำเข้าเกือบทุกสินค้าร้อยละ 5, ออกวีซ่า Golden Visa อายุ 10 ปี ให้นักลงทุน เจ้าของกิจการ และแรงงานทักษะสูงอื่นๆ และมีชาวต่างชาติมากกว่า 190 เชื้อชาติอาศัยในประเทศ