สกพอ.เสนอ “กบอ.” ปรับแผนการลงทุนในพื้นที่อีอีซี 5 ปี (ปี 2565-66) ไม่น้อยกว่า 2.2 ล้านล้านบาท หลังการลงทุนปีนี้จะบรรลุเป้าหมาย 1.7 ล้านล้านเร็วกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 1 ปี จ่อผุดแผนพัฒนาเกษตรในอีอีซีปี 66-70 ดัน 69 โครงการเน้น 5 คลัสเตอร์ เล็งประกาศสิทธิประโยชน์ให้นักลงทุนในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษดัน EECa พื้นที่ต้นแบบ
นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เปิดเผยหลังการประชุมคณะอนุกรรมการบริหารการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กบอ.) ที่มี นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน เป็นประธานเมื่อ 13 ก.ย.ว่า ที่ประชุมได้รับทราบความคืบหน้าการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ที่ได้เดินหน้าแผนการลงทุนตั้งแต่เกิด พ.ร.บ.อีอีซี ปี 2561-มิ.ย. 2564 โดยได้อนุมัติลงทุนแล้ว 1.6 ล้านล้านบาท คาดว่าสิ้นปีนี้จะถึง 1.7 ล้านล้านบาทซึ่งจะเร็วกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้เดิมการลงทุน 5 ปี (ปี 2561-65) จะอยู่ที่ 1.7 ล้านล้านบาท ดังนั้นจึงได้เสนอปรับเพิ่มแผนการลงทุนในอีอีซี 5 ปีข้างหน้า (ปี 2565-2569) ไว้ไม่น้อยกว่า 2.2 ล้านล้านบาท
“การลงทุนที่เราทำไว้ช่วง 3 ปีกับ 8 เดือนนั้นเร็วกว่าเป้าที่กำหนดไว้ แบ่งเป็นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเอกชนร่วมลงทุน (PPP) 4 โครงการหลักราว 6.3 แสนล้านบาท โดยเอกชนลงทุน 3.87 แสนล้านบาท การลงทุนอุตสาหกรรมเป้าหมายจากการออกบัตรส่งเสริมของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ที่คาดว่าสิ้นปีนี้จะเป็นราว 2.5 แสนล้านบาท และงบบูรณาการอีกส่วนหนึ่งเราก็จะบรรลุเป้าหมายการลงทุนในอีอีซี 1.7 ล้านล้านบาทเร็วกว่าแผน 1 ปี” นายคณิศกล่าว
สำหรับแผน 5 ปี (ปี 2565-69) การลงทุนจะมีโครงการหลักประกอบด้วย การลงทุนเมืองการบินภาคตะวันออกประมาณ 1 แสนล้านบาท การพัฒนาพื้นที่รอบสถานีรถไฟความเร็วสูงอีก 1 แสนล้านบาท และการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายเฉลี่ยอีกปีละ 4 แสนล้านบาท โดยส่วนนี้จะแบ่งเป็นการลงทุนพื้นฐานที่บีโอไอทำได้ปีละ 2 แสนล้านบาท และจะมีการเร่งรัดอีกปีละ 1.5 แสนล้านบาทในอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่เฉลี่ยปีละ 4 หมื่นล้านบาท อุตสาหกรรม 5G อิเล็กทรอนิกส์ปีละ 5 หมื่นล้านบาท การแพทย์สมัยใหม่ปีละ 3 หมื่นล้านบาท อุตฯ ขนส่งและโลจิสติกส์ปีละ 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งทั้งหมดยังไม่นับโครงการเมืองใหม่ที่จะเกิดขึ้นและอสังหาริมทรัพย์ที่จะเกิดขึ้นในพื้นที่ และโครงการภายใต้งบบูรณาการอีอีซี อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมได้มอบหมายให้ไปพิจารณาการลงทุนด้านอื่นๆ โดยเฉพาะเกษตรอุตสาหกรรมในพื้นที่ที่กำลังเติบโต
นอกจากนี้ ที่ประชุมได้รับทราบร่างแผนพัฒนาการเกษตรในอีอีซี (พ.ศ. 2566 -2570) ที่ สกพอ.จัดทำร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยจะมีโครงการที่จะดำเนินการรวมทั้งสิ้น 69 โครงการ กรอบวงเงิน 2,300 ล้านบาท แบ่งเป็นงบประมาณภาครัฐ 1,265 ล้านบาท ที่เหลือเอกชน โดยจะเน้นพัฒนา 5 คลัสเตอร์สำคัญ ได้แก่ ผลไม้ ทุเรียน มังคุด มะม่วง ประมงเพาะเลี้ยง สัตว์น้ำทดแทนนำเข้า พืชอุตสาหกรรมชีวภาพ มันสำปะหลัง พืชสมุนไพรฟ้าทะลายโจร และเกษตรมูลค่าสูง โคเนื้อพรีเมียม ตั้งเป้าหมายยกระดับรายได้ให้ชุมชนเกษตรกรในพื้นที่อีอีซีเทียบเท่ากลุ่มอุตสาหกรรม-บริการ พร้อมให้ GDP ภาคเกษตรในอีอีซีเพิ่มขึ้น พร้อมกับดำเนินโครงการจัดตั้งระเบียงผลไม้ภาคตะวันออก (EFC)
นายคณิศกล่าวว่า ที่ประชุม กบอ.ยังพิจารณาการให้สิทธิประโยชน์แก่ผู้ประกอบการกิจการในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ โดยเริ่มนำร่องที่เขตส่งเสริมฯ เมืองการบินภาคตะวันออก (EECa) ให้เป็นพื้นที่ต้นแบบ (Sandbox) “การปฏิรูปและยกระดับประเทศไทยก้าวสู่ 10 อันดับของประเทศที่ประกอบธุรกิจง่ายที่สุด โดยมอบให้ สกพอ.จัดทำ (ร่าง) ประกาศสิทธิประโยชน์สำหรับผู้ประกอบกิจการในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษที่ครอบคลุมสิทธิประโยชน์ด้านภาษีอากรและที่มิใช่ภาษี เพื่อสนับสนุนการลงทุนในพื้นที่อีอีซี โดยมุ่งเน้นกลุ่มนักลงทุนที่ใช้นวัตกรรมขั้นสูงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ภายใต้การออกแบบสิทธิประโยชน์ที่ตรงตามความต้องการของผู้ประกอบการเป็นต้นแบบการปฏิรูประบบราชการที่ใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพ ลดอุปสรรคในการลงทุน และเน้นการสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน
ขณะเดียวกัน ที่ประชุมได้พิจารณาแผนดำเนินการโครงการเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล (EECd) กำหนดแผนปฏิบัติการปี 2564-2565 จำนวน 4 แผนหลัก คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนกันยายนนี้ ได้แก่ 1) จัดทำแผนการดำเนินโครงการ (Master Plan) 2) จัดทำแนวคิดออกแบบโครงการฯ (Conceptual Design) 3) วางแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภค และ 4) จัดทำแผนดึงดูดนักลงทุนและสิทธิประโยชน์ และตั้งเป้าหมายไตรมาส 4 จะทำความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ-เอกชน เพื่อศึกษาการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภคต่างๆ ของโครงการฯ พร้อมเจรจาร่วมกับบริษัท-หน่วยงานที่สนใจเข้าร่วมลงทุน และออกแบบรายละเอียดการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภคต่างๆ ภายในพื้นที่โครงการฯ ช่วงไตรมาส 1-2 ของปี 2565