“จุรินทร์” ลงพื้นที่ชุมพร ยันพร้อมเดินหน้าประกันรายได้ปาล์มน้ำมันปี 3 เพื่อเป็นหลักประกันให้เกษตรกร ส่วนวันนี้ราคาพุ่งเกินเพดานไปแล้วถึงกิโลกรัมละ 7.20 บาท ส่วนยางพารากำลังเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติเพื่อเดินหน้า พร้อมมอบโฉนดคืนเกษตรกร 86 ราย
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยในการเป็นประธานการประชุมติดตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน มอบเช็คชําระหนี้ และมอบโฉนดที่ดินของกองทุนฟื้นฟูเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรให้แก่เกษตรกรจังหวัดชุมพร ณ โครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ตามพระราชดําริ ตําบลบางลึก อําเภอเมือง จังหวัดชุมพร ว่า ประกันรายได้ถือว่าเป็นนโยบายสำคัญของพรรคประชาธิปัตย์ และเป็นหนึ่งในเงื่อนไขสำคัญในการเข้าร่วมรัฐบาล โดยได้มีการประกันรายได้พืชเกษตร 5 ตัว คือ ข้าว มันสำปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ยางพารา และปาล์มน้ำมัน ตอนนี้ปาล์มน้ำมันราคาเกินกว่ารายได้ที่ประกันไว้ที่กิโลกรัมละ 4 บาท ถือว่าเป็นเรื่องดีเพราะมาตรการที่ช่วยกันระหว่างกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และรัฐบาล วันนี้ทะลุ 7 บาท ถึง 7.20 บาทแล้ว
ส่วนยางพารามีปัญหาอยู่ตัวเดียว คือ น้ำยาง ราคาลงเหลือกิโลกรัมละ 40-50 บาทในบางช่วง ราคาต่ำกว่ารายได้ที่ประกันไว้ที่กิโลกรัมละ 57 บาท เพราะน้ำยางส่วนมากนำไปทำถุงมือยาง แต่เกิดปัญหาโควิด-19 ที่มาเลเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่ผลิตถุงมือยางมากประเทศหนึ่งของโลก การรับซื้อที่มาเลเซียมีปัญหาเพราะโรงงานผลิตถุงมือยางปิดตัวบางส่วน
ทั้งนี้ ยืนยันว่านโยบายประกันรายได้จะเป็นหลักประกันให้พี่น้อง เช่น ปาล์มน้ำมัน ถ้าราคาต่ำกว่ากิโลกรัมละ 4 บาท เกษตรกรจะมีรายได้สองทางคือจากราคาที่ขายในตลาด และเงินส่วนต่าง รวมกันจะเท่ากับรายได้ที่ประกัน ซึ่งขณะนี้โครงการประกันรายได้เกษตรกรกำลังจะจบปี 2 เหลืองวดสุดท้าย และเราจะเดินหน้าประกันรายได้ปาล์มน้ำมันปี 3 ต่อไป
สำหรับยางพารา ได้ประกันรายได้มาแล้ว 2 ปี ปีนี้จะเป็นปีที่ 3 การยางแห่งประเทศไทยทำเรื่องถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และส่งเรื่องมาที่ตนเข้าที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ ซึ่งจะมีการประชุมในเร็วๆ นี้ และจะเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป
นายจุรินทร์กล่าวว่า สำหรับกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร เริ่มก่อตั้งในสมัยชวน 2 (นายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 2) และตนเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งข้อ 1 จะช่วยแก้ปัญหาหนี้สินให้เกษตรกรที่เป็นหนี้และเอาที่ดินทำกินหรือสินทรัพย์ไปจำนองกับสถาบันการเงิน ถ้าไม่ไปผ่อนชำระตามกำหนดสถาบันการเงินจะยึดที่ดินขายทอดตลาด และฟ้องร้องดำเนินคดี กองทุนฟื้นฟูเกิดขึ้นเพื่อช่วยพี่น้องที่เป็นหนี้ไม่ให้ถูกยึดที่ทำกินและไม่ต้องให้สถาบันการเงินมาฟ้องดำเนินคดี โดยจะช่วยรับซื้อหนี้จากสถาบันการเงิน โอนหนี้มาเป็นของกองทุนแทนและมาผ่อนชำระกับกองทุนแทนสถาบันการเงิน โดยเงื่อนไขพิเศษผ่อนปรน 1. ไม่มีดอกเบี้ย 2. ไม่มีการยึดที่ดินทำกินเพราะต้องการช่วยให้มีที่ดินทำกินต่อไป ถ้าผ่อนหมดกองทุนฟื้นฟูจะคืนโฉนดให้แก่พี่น้อง
“วันนี้ที่จังหวัดชุมพรมามอบโฉนดหรือออกประกาศนียบัตรให้แก่ผู้ที่ไม่มีโฉนดแต่ผ่อนหมดแล้วกับกองทุนฟื้นฟู จำนวน 86 ราย ประกอบด้วย ผู้ที่ได้โฉนด 18 ราย และที่เหลืออีกจำนวนหนึ่งที่กองทุนซื้อหนี้จากสหกรณ์หรือกลุ่มสหกรณ์ให้มาเป็นหนี้กองทุนเมื่อผ่อนหมดคืนที่ดินคืนหลักทรัพย์ให้ ขอแสดงความยินดีกับพี่น้อง และประกาศว่าเราจะเดินหน้าทำต่อไป”
อย่างไรก็ตาม เมื่อพี่น้องเป็นไทกับตัวเองแล้ว เรามีภารกิจ มีงบประมาณจัดให้กลุ่มเกษตรกรกลุ่มพี่น้องไปฟื้นฟูเกษตรกรไปทำอาชีพทำโครงการต่างๆ ตามที่ร้องและกองทุนเห็นสมควร โดยวันนี้มีการทำโครงการฟื้นฟูจำนวน 4 โครงการ โครงการส่งเสริมให้เกษตรกรช่วยดูแลพัฒนาทั้งการผลิตและการตลาด เรื่องปาล์มน้ำมัน 2 โครงการ ยางพารา 1 โครงการ และทำปศุสัตว์อีก 1 โครงการ รวมวงเงิน 3,600,000 บาท ขอให้ใช้เงินจำนวนนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และตนได้นำกระทรวงพาณิชย์มาช่วยด้วย เพราะบางที่มีแต่โครงการผลิตให้กระทรวงพาณิชย์มาจับมือกับกองทุนฟื้นฟู ภายใต้ “กองทุนฟื้นฟูผลิตพาณิชย์ตลาด” ทำในสิ่งที่ตลาดต้องการ จะทำให้พี่น้องมีอนาคตมากขึ้น
สำหรับภาพรวมทั้งประเทศ เราสามารถดำเนินการตั้งแต่ปี 2540 สมัยรัฐบาลชวน 2 รวม 7,300 ล้านบาทที่ช่วยเหลือในทุกรูปแบบ มีเกษตรกรได้รับการช่วยเหลือซื้อหนี้ไปแล้วประมาณ 30,000 ราย