xs
xsm
sm
md
lg

บีโอไอจ่อปรับสิทธิประโยชน์ดึงลงทุนไฮเทค-จับมือ GISTDA ดันไทยแหล่งผลิตดาวเทียมโลกรับ ศก.ดิจิทัล

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“บีโอไอ” มั่นใจนักลงทุนยื่นขอรับส่งเสริมฯ ปีนี้ตามเป้า 5 แสนล้านบาท หลังสัญญาณฟื้นโดยเฉพาะกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องมือแพทย์ พลังงานสะอาด นักลงทุนจากญี่ปุ่นยังมาแรงพบล่าสุดทั้งญี่ปุ่นและจีนพร้อมลงทุนอิเล็กทรอนิกส์ในไทยอีก 10 ราย เตรียมปรับปรุงนโยบายอัดสิทธิประโยชน์เพิ่มรับอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูงมากขึ้น พร้อมจับมือ GISTDA ผุดแผนดันไทยแหล่งผลิตดาวเทียมของโลกรับ ศก.ดิจิทัล

นายชนินทร์ ขาวจันทร์ รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ภาพรวมการยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอในปี 2564 คาดว่าจะมีมูลค่าระดับ 5 แสนล้านบาทตามเป้าหมายที่วางไว้ เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติเริ่มทยอยกลับมาเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องมือแพทย์ และพลังงานสะอาด ฯลฯ ดังนั้น บีโอไอจึงเตรียมปรับปรุงสิทธิประโยชน์ให้ครอบคลุมประเภทกิจการที่เกี่ยวข้องกับอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้นเพื่อรองรับเทคโนโลยีขั้นสูง รวมถึงกำลังหารือกับสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA ในการร่วมมือทำนโยบายส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมอวกาศเพื่อผลักดันให้ไทยเป็นแหล่งผลิตดาวเทียมของโลกในอนาคต

“การแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้เป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตของอุตสาหกรรมดิจิทัล ความต้องการชิป ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ สูงขึ้น และต่อไปเมื่อเทคโนโลยี 5G เข้ามาทุกๆ เทคโนโลยีจะเชื่อมโยงกันไปสู่ระบบอัจฉริยะหรือสมาร์ทต่างๆ มากขึ้น เราจะอยู่ในอุตสาหกรรมเดิมๆ ไม่ได้ต้องหนีไปสู่อุตสาหกรรมที่ยากขึ้น นโยบายก็ต้องปรับไม่ให้ตกขบวนเพื่อดึงการลงทุนที่เป็นเทคโนโลยีระดับสูง ซึ่งหากการแพร่ระบาดโควิด-19 ของไทยดีขึ้นเชื่อว่าในอีก 2 ปีการขอรับส่งเสริมการลงทุนจะกลับสู่ภาวะปกติระดับ 7 แสนล้านบาทได้” นายชนินทร์กล่าว

ทั้งนี้ การยื่นขอรับส่งเสริมลงทุนครึ่งปีแรก (ม.ค.-มิ.ย. 64) จากบีโอไอมีมูลค่ากว่า 3.8 แสนล้านบาท เติบโต 158% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยญี่ปุ่นยังคงเป็นนักลงทุนต่างชาติ (FDI) สูงสุดที่เข้ามาลงทุน และหากมองเฉพาะโครงการที่ FDI ยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ครึ่งปีแรกมีจำนวน 113 โครงการ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 8% มูลค่า 57,263 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 65% ซึ่งขณะนี้สัญญาณการลงทุนยังคงมีมาต่อเนื่องโดยเฉพาะอิเล็กทรอนิกส์ที่สรุปแล้ว 10 รายเป็นนักลงทุนจากญี่ปุ่นและจีน โดยเป็นกิจการขนาดระดับ 1,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าการลงทุนในกลุ่มนี้ในปี 2564 จะสู่ระดับ 1 แสนล้านบาทแน่นอน

“10 รายที่คุยและแน่นอนว่าจะมาลงทุนไทยแล้วก็ยังมีรายอื่นๆ อีกที่กำลังหารือ ซึ่งก็ยอมรับว่าสิ่งที่นักลงทุนจะเข้ามาลงทุนเป็นเทคโนโลยีขั้นสูงเป็นอิเล็กทรอนิกส์ระดับไมโครสิทธิประโยชน์ด้านภาษีฯ ที่มีอยู่ไม่จูงใจให้เข้ามา กำลังดูว่าจะปรับสิทธิประโยชน์เพิ่มและเพิ่มประเภทกิจการให้ครอบคลุมเพื่อดึงการลงทุนเพื่อเสนอบอร์ดบีโอไอเร็วๆ นี้ ซึ่งยอมรับว่าการออกไปโรดโชว์ในระยะต่อไปคงไม่ได้มองเฉพาะด้านสิทธิประโยชน์ฯ แต่ต้องมองเรื่องอื่นๆ ประกอบด้วย เช่น การไปคู่กับสถาบันการศึกษาเพื่อเสนอให้เป็นแผนการผลิตแรงงานที่จะรองรับการลงทุนมากขึ้น ฯลฯ” นายชนินทร์กล่าว

นอกจากนี้ บีโอไอพบว่าอุตสาหกรรมดาวเทียมที่อยู่เหนือพื้นโลกระยะ 200 กิโลเมตรกำลังมาแรงจะถูกนำมาใช้งานเพิ่มขึ้นในอนาคตที่เกี่ยวข้องกับระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ดังนั้นไทยซึ่งมีฐานการผลิตอิเล็กทรอนิกส์ และอื่นๆ รองรับก็น่าจะขยับไปสู่ดาวเทียม อากาศยานในระยะยาวได้ และยังสอดรับกับร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กิจการอวกาศ พ.ศ..ของไทย บีโอไอจึงอยู่ระหว่างพิจารณาที่จะผลักดันการทำแพกเกจส่งเสริมอุตสาหกรรมอวกาศเพื่อผลักดันให้ไทยเป็นแหล่งผลิตดาวเทียมของโลกในอนาคตร่วมกับ GISTDA ซึ่งหากเป็นไปได้จะพยายามให้เกิดเป็นรูปธรรมในปีนี้เพื่อที่จะนำไปชักชวนการลงทุนได้ในปี 2565 แต่ทั้งนี้ก็ต้องอยู่ที่บอร์ดบีโอไอว่าจะเห็นด้วยหรือไม่เป็นสำคัญ

“เวลานี้บริษัท มิว สเปซ แอนด์ แอดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด ผู้ผลิตชิ้นส่วนด้านการบินและอวกาศ และให้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมของไทยเองก็มีศักยภาพ โดยถือเป็น Tech Startup ของไทยที่บีโอไอเน้นส่งเสริมฯ เพื่อให้ไทยก้าวสู่เศรษฐกิจดิจิทัล และเขาก็มีเครือข่ายต่างชาติที่จะดึงเข้ามาเพื่อร่วมมือกันที่จะใช้ไทยเป็นส่วนหนึ่งของซัปพลายเชน ซึ่งแผนนี้เราก็มองระยะยาว” นายชนินทร์กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น