xs
xsm
sm
md
lg

‘ดุสิตธานี’ ยกเครื่องเทคโนโลยีสู้โควิด เปิดร้านบน “LINE MyShop-LazMall”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการรายวัน 360 - กลุ่มดุสิตธานีเดินหน้าปรับเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยี (Technology Transformation) ตามแผนระยะยาว หวังตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในอนาคตที่มีพฤติกรรมที่หลากหลาย ซับซ้อน และเจาะจงมากขึ้น จึงต้องอาศัยเทคโนโลยีใหม่ๆ ในการเข้าถึงข้อมูล ย้ำเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่จะลงทุนและทำให้สำเร็จ เพื่อความแข็งแกร่งและเพิ่มโอกาสการแข่งขันให้กลุ่มดุสิตธานีในระยะยาว

นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือ DUSIT เปิดเผยว่า แม้ว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อธุรกิจหลักของกลุ่มดุสิตธานีตลอดระยะเวลา 18 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งทำให้บริษัทฯ จำเป็นต้องปรับแผนและชะลอการลงทุนในหลายส่วน แต่มีบางโครงการที่บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างพื้นฐานของเทคโนโลยี (Technology Transformation) เพราะข้อมูลและเทคโนโลยีจะเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญที่จะช่วยยกระดับการทำงานและการบริการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นทั้งภายในและภายนอก รวมทั้งยังช่วยตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไป เพื่อให้กลุ่มดุสิตธานีสามารถสร้างประสบการณ์ที่แตกต่างให้แก่นักท่องเที่ยวในยุคนิวนอร์มัล

“เราเริ่มดำเนินการโครงการฯ นี้มาตั้งแต่เดือนมกราคม 2563 ก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกแรกในประเทศไทย ดังนั้น ตลอด 18 เดือนของการปรับเปลี่ยนระบบต่างๆ จึงเป็นการทำงานแบบออนไลน์กว่า 80% เพราะข้อจำกัดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ทีมงานที่ปรึกษา ทีมงานไอทีและทีมงานอื่นต้องทำงานแบบ Work From Home แต่ทุกฝ่ายก็ยังพยายามผลักดันโครงการต่างๆ ให้เกิดขึ้นจนภารกิจสำเร็จลุล่วงได้อย่างน่าพอใจ” นางศุภจีกล่าว
 
ทั้งนี้ โครงการ Technology Transformation ของกลุ่มดุสิตธานี ประกอบด้วย การปรับปรุงระบบ ERP, CRM และ DATA Platform ของบริษัทฯ ใหม่ทั้งหมด โดยย้ายระบบทั้งหมดไปอยู่บนระบบคลาวด์แพลตฟอร์มของบริษัทซอฟต์แวร์ชั้นนำ ไม่ว่าจะเป็น SAP, MICROSOFT และ CENDYNE โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาระบบงานทั้งหน้าบ้านและหลังบ้านให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สามารถเก็บรักษาและเชื่อมต่อข้อมูลของทุกหน่วยงานเข้าไว้ด้วยกันเสมือนอยู่บนแพลตฟอร์มเดียวกัน และยังเป็นการทำงานแบบเรียลไทม์อีกด้วย เพื่อให้ดึง Big Data ของข้อมูลต่างๆ มาวิเคราะห์และวางแผนงานได้รวดเร็วมากขึ้น รวมถึงเป็นระบบที่มีความยืดหยุ่น สามารถรองรับการขยายกิจการเพิ่มเติมในอนาคต โดยล่าสุด บริษัทฯ ได้วางระบบ ERP เชื่อมต่อข้อมูล 24 บริษัทย่อย ครอบคลุม 5 ธุรกิจหลัก ใน 17 ประเทศทั่วโลกที่ดุสิตธานีดำเนินงานในเฟสแรกเป็นที่เรียบร้อย
 


นอกจากการปรับเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีแล้ว กลุ่มดุสิตธานียังพยายามที่จะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่เหนือความคาดหมาย มอบความสะดวกสบาย และเพิ่มคุณค่าให้ลูกค้า โดยล่าสุดเมื่อกลางเดือนสิงหาคม 2564 ที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้เปิดตัวแพลตฟอร์มร้านค้าออนไลน์บน LINE MyShop และ LazMall เพื่อนำเสนอโปรโมชันห้องพักโรงแรมและรีสอร์ตในเครือดุสิตธานีทั่วประเทศ ตลอดจนร้านอาหาร และฟิตเนสให้ผู้บริโภคในประเทศไทย ที่ปัจจุบันนิยมการซื้อสินค้าบนแพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้น ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นการเพิ่มช่องทางในการสร้างแหล่งรายได้แหล่งใหม่ภายในประเทศ ในขณะที่การเดินทางระหว่างประเทศยังไม่สามารถกลับมาอยู่ในภาวะปกติ

“ต้องยอมรับว่าท่ามกลางความท้าทายของวิกฤตโควิด-19 ทำให้ที่ผ่านมาเราต้องปรับแผนระยะสั้นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมค่าใช้จ่าย การปรับรูปแบบธุรกิจ (business model) การปรับโครงสร้างสินทรัพย์ เพื่อรักษาสภาพคล่อง และประคับประคองธุรกิจให้ผ่านช่วงที่ยากลำบากนี้ไปให้ได้ แต่เราก็ไม่ปล่อยให้เป้าหมายระยะยาวล้มเหลว เรายังคงเดินหน้าตามแผนเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในอนาคตอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นทั้งในส่วนของบุคลากรที่เน้นการปรับทักษะของทีมงาน ปรับความพร้อม ความยืดหยุ่นและความคล่องตัวเพื่อตอบโจทย์ภาวะธุรกิจทั้งปัจจุบันและอนาคต หรือในส่วนของเทคโนโลยี ที่ช่วยลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และสามารถตรวจสอบความถูกต้องโปร่งใสในกระบวนการทำงานของทุกฝ่ายได้อีกด้วย เพราะเราตระหนักดีว่าลูกค้าในปัจจุบันมีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก มีความซับซ้อน หลากหลาย และมีความต้องการแบบเฉพาะเจาะจงมากขึ้น ทำให้เราจำเป็นต้องมีความสามารถในการบริหารจัดการเพื่อส่งมอบประสบการณ์ได้ตรงใจลูกค้ามากยิ่งขึ้น รวมทั้งยังช่วยขยายการเข้าถึงตลาดและช่วยเพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขันและสร้างมูลค่าในระยะยาวได้อีกด้วย” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.ดุสิตธานี กล่าว

ปัจจุบัน ดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล หรือกลุ่มบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในประเทศไทยที่เป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจด้านการบริการท่องเที่ยวและโรงแรม ดำเนินกิจการครอบคลุม 5 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ต ธุรกิจการศึกษา ธุรกิจอาหาร ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการต้อนรับ ธุรกิจหลักของกลุ่ม ได้แก่ ธุรกิจโรงแรม รีสอร์ตและวิลลาหรู ภายใต้ 6 แบรนด์ ได้แก่ ดุสิตธานี, ดุสิตเดวาราณา, ดุสิตดีทู, ดุสิตปริ๊นเซส, อาศัย และอีลิธฮาเวนส์ ในจุดหมายปลายทางชั้นนำกว่า 300 แห่งใน 17 ประเทศทั่วโลก และธุรกิจการศึกษา ซึ่งประกอบด้วย โรงเรียนสอนประกอบการทำอาหาร วิทยาลัยการโรงแรมทั้งในประเทศไทยและฟิลิปปินส์ ในขณะที่กลุ่มธุรกิจอาหาร ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจให้บริการอื่นๆ เป็นกลุ่มธุรกิจใหม่ที่บริษัทเพิ่งเริ่มกระจายการลงทุนไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตามแผนกลยุทธ์การเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาวที่ประกอบด้วย 3 ด้าน ได้แก่ การสร้างความสมดุล การเติบโต และการกระจายความเสี่ยง


กำลังโหลดความคิดเห็น