ปตท.จัดทำแผนยุทธศาสตร์และทิศทางอนาคต (STS) ใหม่สอดรับวิสัยทัศน์ “Powering life with Future Energy and Beyond” ตั้งเป้าปี 2573 มีพลังงานหมุนเวียนเพิ่มขึ้นจากเป้าเดิม 8 พันเมกะวัตต์เป็น 1.2 หมื่นเมกะวัตต์ และมีสัดส่วนกำไรจากพลังงานอนาคตและธุรกิจใหม่มากกว่า 30% โดยอัดงบลงทุน 5 ปีนี้ของกลุ่ม ปตท.อยู่ที่ 8.65 แสนล้านบาท จ่อนำเข้ายาเรมเดซิเวียร์อีก 1 หมื่นขวด และยาฟาวิพิราเวียร์อีก 1 ล้านเม็ดเพื่อลดความสูญเสียจากโควิด-19
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (PTT) เปิดเผยว่า ปตท.ได้มีการปรับทั้งกระบวนทัศน์ เริ่มตั้งแต่การปรับวิสัยทัศน์ใหม่เป็นการขับเคลื่อนทุกชีวิตด้วยการมุ่งสู่ธุรกิจพลังงานอนาคตและเติบโตในธุรกิจใหม่ที่ไกลกว่าพลังงาน (Powering life with Future Energy and beyond) รวมทั้งการปรับพอร์ตการลงทุนพลังงานหมุนเวียน (Renewable) เพิ่มขึ้นจาก 8,000 เมกะวัตต์ (MW) เป็น 12,000 เมกะวัตต์ในปี 2573 และเพิ่มพอร์ตการลงทุนในธุรกิจพลังงานอนาคต (Future Energy) และธุรกิจใหม่ (New Business) เป็น 32% ของการลงทุนรวมเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยี และพลังงาน รวมทั้งสภาวะที่เปลี่ยนแปลงจากผลกระทบโควิด-19
ทั้งนี้ ปตท.ได้ทบทวนทำยุทธศาสตร์และทิศทางในอนาคตของกลุ่ม ปตท. (Strategic Thinking Session : STS) ใหม่ในปี 2564-2573 โดยวางเป้าหมายภายในปี 2573 กลุ่ม ปตท.จะมีกำไรจากธุรกิจพลังงานอนาคตและธุรกิจใหม่มากกว่า 30% ส่วนการเติบโตของธุรกิจก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) จะเห็นการนำเข้าเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 9,000,000 ตันต่อปี, ธุรกิจไฟฟ้าประเภท Conventional เพิ่มเป็น 8,000 เมกะวัตต์ และพลังงานหมุนเวียนเพิ่มขึ้นเป็น 12,000 เมกะวัตต์ และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 15% เพื่อเข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำ
สำหรับธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมของ บมจ.ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จะเน้นลงทุนในสินทรัพย์ที่มีผลตอบแทนโดยเฉพาะแหล่งก๊าซฯ, ธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น จะให้ความสำคัญด้านการบูรณาการห่วงโซ่อุปทาน, การมุ่งสู่กลุ่มผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง, ธุรกิจน้ำมันและค้าปลีก จะขยายการค้าปลีกที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคและมุ่งสู่ Mobility & lifestyle ด้านธุรกิจไฟฟ้า จะขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าในไทยและต่างประเทศ โดยเน้นพลังงานหมุนเวียน ซึ่งจะเป็นการจับมือระหว่าง ปตท.กับ บมจ. โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) ตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อลงทุนพลังงานหมุนเวียนในต่างประเทศ เช่น อินเดีย ไต้หวัน และจีน เป็นต้น
ส่วนธุรกิจพลังงานอนาคต (Future Energy) จะเร่งลงทุนในพลังงานหมุนเวียน ระบบกักเก็บพลังงาน EV value chain รวมไปถึงการศึกษาพลังงานรูปแบบใหม่คือไฮโดรเจน และธุรกิจใหม่ (New Business) เร่งขยายสู่ธุรกิจที่มีศักยภาพ เช่น Life Science, Logistic &Infrastructure โดยในช่วง 1-2 ปีนี้จะเห็นการลงทุนในธุรกิจใหม่เพิ่มมากขึ้น
“กลุ่ม ปตท.ได้ปรับสัดส่วนการลงทุนให้สอดคล้องกับทิศทางอนาคต มุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Society) พร้อมเป็น Regional LNG Hub เข้าสู่ธุรกิจพลังงานแห่งอนาคต รุกธุรกิจไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ลงทุนเตรียมพร้อมรองรับกระแสยานยนต์ไฟฟ้า ตลอดจนเข้าสู่ธุรกิจที่มีศักยภาพตามทิศทางโลก เช่น มุ่งสู่กลุ่มผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง (High Value Business) ในธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น และมุ่งขยายการค้าปลีกที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคในธุรกิจน้ำมันและค้าปลีก รวมถึงขยายการลงทุนในธุรกิจ Life Science (ยา nutrition และอุปกรณ์ทางการแพทย์) ดึงความเชี่ยวชาญจากต่างประเทศ จับมือพันธมิตรทั้งในไทย และต่างชาติ”
นายอรรถพลกล่าวต่อไปว่า งบลงทุนของ ปตท.และบริษัทที่ ปตท.ถือหุ้น 100% ในช่วง 5 ปีนี้ (2564-68) อยู่ที่ 117,840 ล้านบาท โดยปีนี้ ปตท.ได้ปรับเพิ่มงบการลงทุนจากเดิม 52,931 ล้านบาท เป็น 67,504 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 28% มาจากการเข้าไปซื้อหุ้น GPSC จาก บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC)
ส่วนงบลงทุนของกลุ่ม ปตท.ใน 5 ปีนี้อยู่ที่ 865,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนธุรกิจปิโตรเลียมขั้นต้นของ ปตท.สผ. 50% ปตท. 14% ธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย 30% ธุรกิจไฟฟ้า 6% และจัดเตรียมงบลงทุนของกลุ่ม ปตท.ในอนาคต (Provisional Capital Expenditure) ในระยะ 5 ปีข้างหน้าอีก 7.84 แสนล้านบาท โดยปีนี้จะเห็นการลงทุนของบริษัทลูก ปตท. ทั้ง PTTGC PTTEP TOP GPSC ในการเข้าร่วมทุนหรือซื้อกิจการในต่างประเทศหลายโครงการ โดยมี ปตท.สนับสนุนด้านเงินกู้ด้วยนั้น ยืนยันว่าจะยังเห็นการลงทุนของกลุ่ม ปตท.ในต่างประเทศอย่างต่อเนื่องในอนาคต โดย ปตท.พร้อมให้การสนับสนุน และยืนยันว่า ปตท.ไม่มีแผนเพิ่มทุนจดทะเบียนแต่อย่างใด
สำหรับแนวโน้มการดำเนินงาน ปตท.ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้คาดยังเติบโตต่อเนื่อง หลังราคาพลังงานยังอยู่ในระดับสูงใกล้เคียงกับช่วงครึ่งปีแรก ประกอบกับเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว ส่งผลให้ความต้องการใช้พลังงานเพิ่มขึ้น โดยปริมาณการขาย และราคาผลิตภัณฑ์ของกลุ่ม ปตท.จะอิงกับตลาดโลกเป็นหลัก
ทั้งนี้ ผลประกอบการในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ปตท.มีกำไรสุทธิ 57,166 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากกว่า 100% โดยมีรายได้จากการขาย 1,011,093 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
นายอรรถพลกล่าวว่า ปตท.พร้อมร่วมเคียงข้าง ดูแลสังคมไทยด้วย “โครงการลมหายใจเดียวกัน” โดยมีแผนนำเข้ายาเรมเดซิเวียร์อีก 1 หมื่นขวด และยาฟาวิพิราเวียร์อีก 1 ล้านเม็ดในเเดือนหน้า เพื่อลดความสูญเสียจากโควิด-19 เป็นส่วนหนึ่งของงบ 1,700 ล้านบาทในการสู้โควิด ดูแลเคียงข้างคนไทยด้วย