กทพ.เช็กโครงสร้างตอม่อทางด่วน หลังม็อบเผาป้อมตำรวจ ยังไม่มีผลกระทบการรับน้ำหนัก เร่งเข้าพื้นที่ตรวจจุดเผาอีก 2 ครั้ง กังวัล จุดเผารถตำรวจ ขณะที่มีกระจกด่านเก็บเงินและกล้องวงจรปิดถูกทำลายเสียหายด้วย
เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2564 เวลา 19.30 น. นายชาตรี ตันศิริ รองผู้ว่าการฝ่ายก่อสร้างและบำรุงรักษา การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ได้เเถลงข่าวผ่านระบบZoom กรณี มีเหตุการณ์จุดไฟเผารถใต้ทางพิเศษเฉลิมมหานคร บริเวณสามเหลี่ยมดินแดง จากการชุมนุมทางการเมือง จึงทำให้โครงสร้างทางพิเศษมีความเสี่ยงด้านความปลอดภัย เนื่องจากโครงสร้างทางพิเศษ เป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก หากได้รับความร้อนสูงเป็นระยะเวลานาน อาจมีความเป็นไปได้ที่จะส่งผลต่อความแข็งแรงและความสามารถในการรับน้ำหนักของโครงสร้างลดลง
ทั้งนี้ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และนายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม มีความห่วงใยถึงความปลอดภัยของผู้ใช้ทางพิเศษ จากกรณีมีการเผารถบริเวณตอม่อของทางด่วนดังกล่าว จึงได้สั่งการให้ กทพ. ตรวจสอบความแข็งแรงและความสามารถในการรับน้ำหนักของโครงสร้างทางพิเศษในส่วนที่มีการจุดไฟเผา โดยให้ร่วมกับสมาคมวิชาชีพ เช่น วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย โดยจะดำเนินการตรวจสอบ เป็น 2 กรณีดังนี้
1. กรณีตรวจสอบแล้วเพลิงไหม้ไม่ส่งผลกระทบต่อความแข็งแรงของโครงสร้าง และให้ประชาสัมพันธ์ผลการตรวจสอบให้ประชาชนรับทราบ เพื่อสร้างความมั่นใจในการใช้บริการ
2. กรณีตรวจสอบแล้วเพลิงไหม้ ส่งผลกระทบต่อความแข็งแรงของโครงสร้าง ให้ปิดการใช้งานโครงสร้างที่ได้รับผลกระทบและดำเนินการปรับปรุงแก้ไขโดยเร็วที่สุด และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบผลกระทบและแนวทางแก้ไข ตลอดจนแผนการบริหารจัดการจราจรระหว่างการปรับปรุง และเมื่อแก้ไขแล้วเสร็จให้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบอีกครั้ง
นอกจากนี้ ได้สั่งการให้ กทพ. กำหนดแผนการป้องกันในอนาคตร่วมกับฝ่ายความมั่นคงและป้องกันสาธารณภัย เพื่อป้องกันไม่ให้มีการจุดไฟเผาอาคาร ยานพาหนะ หรือโครงสร้างบริเวณใต้ทางพิเศษอีก พร้อมทั้งจัดทำแผนปฏิบัติการกรณีที่ไม่สามารถป้องกันได้ เพื่อยุติหรือระงับเหตุโดยเร็วที่สุด
นายชาตรีกล่าวว่า มีการก่อเหตุจุดไฟเผาแล้ว 3 ครั้ง คือ ครั้งแรก วันที่ 10 ส.ค. จุดไฟเผาป้อมตำรวจใต้ทางด่วน บริเวณสามเหลี่ยมดินแดง นั้น กทพ. ได้เข้าตรวจสอบโครงสร้างตอม่อทางด่วนในบริเวณดังกล่าว โดยใช้กล้องอินฟราเรดตรวจความร้อนสะสม มีการทดสอบกำลังอัดคอนกรีต โดยพบว่า โครงสร้างทางด่วนไม่ได้รับผลกระทบ มีเพียงคราบเขม่าที่ติดอยู่ ซึ่งสามารถทำความสะอาดออกได้
ครั้งที่ 2 วันที่ 11 ส.ค.มีการเผารถตำรวจ ใต้ทางด่วน แต่ขณะนี้ กทพ.ยังไม่สามารถเข้าพื้นที่ได้ โดยอยู่ระหว่างประสานกับทางตำรวจ เพื่อเข้าตรวจสอบเร็วที่สุด ครั้งที่3 ล่าสุด วันที่ 13 ส.ค. มีการเผาเศษวัสดุ บริเวณเดียวกับที่มีการเผารถตำรวจ
นอกจากนี้ยังพบว่า มีทรัพย์สินของทางด่วนได้รับความเสียหาย จากการเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองได้แก่ กระจกตู้ด่านเก็บค่าผ่านทางแตกเสียหาย กล้องวงจรปิดถูกทำลายเสียหาย โดยอยู่ระหว่างประเมินมูลค่าความเสียหาย และกทพ.อยู่ระหว่างประเมินในการดำเนินการทางกฎหมายกับผู้กระทำความผิด หากมีแนวโน้มที่มีการกระทำที่รุนแรงมากขึ้น
ทั้งนี้ กทพ.ไม่ได้กังวลในส่วนของมูลค่าเสียหาย แต่กังวลเหตุการณืจะมีความรุนแรงมากขึ้นในอนาคต อย่างไรก็ตามในส่วนของพื้นที่ใต้ทางด่วนซึ่งบางจุดเป็นพื้นที่เปิด ทำให้มีการเข้าไปได้นั้น กทพ.จะหารือกับฝ่ายความมั่นคง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง. เพื่อหาแนวทางป้องกันต่อไป เนื่องจากกทพ.ไม่ได้มีอำนาจทั้งหมดหากจะดำเนินการใดๆ
ทั้งนี้ เนื่องจากการชุมนุมทางการเมืองในขณะนี้ จะอยู่ที่บริเวณดินแดง และเป็นช่วงเวลาเย็น ดังนั้นขอประชาสัมพันธ์ประชาชนที่จำเป็นเดินทางเปรับเปลี่ยนเวลในการเดินทางผ่านในบริเวณดังกล่าว เพื่อความปลอดภัย
โดยปัจจุบันจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ปริมาณจราจรบนทางด่วนทั้งระบบ มีประมาณ 1 ล้านคน/วัน ลดลงกว่า 50% จากเดิมก่อนเกิดการระบาดของโรคโควิด-19 ที่มีจำนวน เกือบ 2 ล้านคัน/วัน สำหรับบริเวณด่านดินแดง มีปริมาณจราจรเฉลี่ยประมาณ 30,000 คัน/วัน
อย่างไรก็ตามกทพ. ขอความร่วมมือให้พึงระวังการเผาวัสดุ อุปกรณ์ หรือสิ่งของใดๆ ใกล้โครงสร้างทางด่วนหรือสะพาน ซึ่งอาจสร้างความเสียหายต่อตัวโครงสร้างและอาจก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัยต่อพี่น้องประชาชนที่ใช้เส้นทางบริเวณดังกล่าว ได้