กนอ.ปลื้มเม็ดเงินลงทุนในนิคมอุตสาหกรรม 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2564 (ต.ค. 63-มิ.ย. 64) ทะลุ 130,000 ล้านบาท โต 138.27% จากการลงทุนเครื่องจักรของลูกค้าเดิมในนิคมฯ ขณะที่ยอดขาย/เช่าที่ดินลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 49.59% ผลจากโควิด-19 ทำให้ต่างชาติเดินทางเข้ามาดูพื้นที่ไม่สะดวก คาดการลงทุนของไทยและจากต่างประเทศช่วงไตรมาส 4 จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า ในช่วง 9 เดือนของปีงบประมาณ 2564 (ต.ค. 63-มิ.ย. 64) ภาพรวมยอดขาย/เช่าพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรมมีทั้งสิ้น ประมาณ 927.09 ไร่ ประกอบด้วย ยอดการขาย/เช่าในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) จำนวน 747.99 ไร่ และนอกพื้นที่อีอีซีจำนวน 179.10 ไร่ ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 49.59% (ปี 2563 ยอดขาย/เช่า ช่วง 9 เดือนอยู่ที่ 1,838.96 ไร่) เนื่องจากการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ยังคงเลื่อนออกไปจากมาตรการจำกัดการเดินทางด้วยผลกระทบของการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ขณะที่มูลค่าการลงทุนรวมช่วง 9 เดือนปี 2564 คิดเป็นมูลค่า 130,289.44 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 138.27%
“การลงทุนในนิคมฯ 9 เดือนแรกของปีงบประมาณที่มีมูลค่าเพิ่มมาจากการขยายการลงทุนเพิ่มขึ้นของฐานลูกค้าเดิมในนิคมอุตสาหกรรมที่มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้กระบวนการผลิต โดยกลุ่มอุตสาหกรรม 5 อันดับแรกที่นักลงทุนสนใจเข้ามาลงทุน ได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์และการขนส่ง 13.77% อุตสาหกรรมเหล็กและผลิตภัณฑ์โลหะ 10.83% อุตสาหกรรมยาง พลาสติก และหนังเทียม 7.80% อุตสาหกรรมเครื่องยนต์ เครื่องจักรและอะไหล่ 7.01% และอุตสาหกรรมปุ๋ย สี และเคมีภัณฑ์ 6.05% โดยนักลงทุนจากประเทศจีนให้ความสนใจมาลงทุนมากเป็นอันดับหนึ่ง 15.15% รองลงมาคือ นักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่น 12.12% และสิงคโปร์ เกาหลี และสหรัฐอเมริกา 9.09%” นายวีริศกล่าว
ปัจจุบันมีนักลงทุนแสดงความสนใจที่จะซื้อ/เช่าที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจด้านโลจิสติกส์และคลังสินค้า (Warehouse) ที่มีการเติบโตอย่างโดดเด่น เนื่องจากได้รับอานิสงส์เชิงบวกจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ผนวกกับกระแสการย้ายการลงทุนออกจากประเทศจีนของกลุ่มนักลงทุนชาวจีน ญี่ปุ่น และอเมริกามายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้น และประเทศไทยยังมีศักยภาพและความแข็งแกร่งในการรองรับการลงทุนเพื่อเป็นฐานและศูนย์กลางการผลิตของภูมิภาค รวมถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างประเทศที่มีต่อการบริหารจัดการนิคมอุตสาหกรรมทุกนิคมฯ ทั้งนิคมอุตสาหกรรมที่ กนอ.ดำเนินการเอง และนิคมอุตสาหกรรมร่วมดำเนินงานที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าทั้งในและต่างประเทศได้เป็นอย่างดี โดยเชื่อว่าในช่วงปลายปี 2564 การลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมจะดีขึ้น หลังคาดการณ์ว่าประเทศไทยจะควบคุมการระบาดระลอก 3 ได้ในระดับหนึ่งจากการจัดหาและกระจายวัคซีนป้องกัน COVID-19 และสร้างระดับภูมิคุ้มกันหมู่ได้ในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 ซึ่งจะช่วยให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจทยอยฟื้นตัวขึ้นได้
สำหรับการลงทุนในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมสะสมสิ้นสุดเดือนมิถุนายน 2564 มีจำนวนประมาณ 178,891 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่ที่นิคมอุตสาหกรรมที่ กนอ.ดำเนินการเองประมาณ 37,724 ไร่ และเป็นนิคมอุตสาหกรรมร่วมดำเนินงานประมาณ 141,167 ไร่ เป็นพื้นที่ขาย/ให้เช่าประมาณ 118,667 ไร่ เป็นพื้นที่ขาย/ให้เช่าแล้วประมาณ 90,972 ไร่ จึงยังคงมีพื้นที่คงเหลือสำหรับขาย/ให้เช่าอีกประมาณ 27,695 ไร่ มีมูลค่าการลงทุนสะสมประมาณ 4.70 ล้านล้านบาท มีโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมประมาณ 4,944 โรง และมีการจ้างงานรวมทั้งสิ้นประมาณ 815,942 คน