กรมธุรกิจพลังงานเผยยอดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง 6 เดือนแรกของปี 2564 ลดลง 2.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ผลพวงโควิด-19 ที่ยังคงกระทบหนักต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้การนำเข้าน้ำมันดิบลดลง 2% แต่มูลค่านำเข้าสวนทางพุ่ง 31% จากราคาตลาดโลกที่สูงและบาทอ่อนค่า
รายงานข่าวจากกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) กระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ภาพรวมการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเบื้องต้นเฉลี่ยต่อวันรอบ 6 เดือนแรกของปี 2564 (มกราคม-มิถุนายน) พบว่ามียอดการใช้อยู่ที่ 135.7 ล้านลิตรต่อวัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 2.1% ที่การใช้อยู่ระดับ 137.9 ล้านลิตรต่อวัน โดยปัจจัยหลักมาจากผลกระทบไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจได้รับผลกระทบสะท้อนจากการใช้น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (Jet A1) ที่ลดลง 53.3% น้ำมันกลุ่มดีเซลลดลง 1.7% ก๊าซธรรมชาติเหลวสำหรับยานยนต์ (NGV) ลดลง 19% ยกเว้น น้ำมันเตาเพิ่มขึ้น 19% น้ำมันก๊าดเพิ่มขึ้น 0.2% ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) เพิ่มขึ้น 9.6% โดยเฉพาะการใช้ในภาคปิโตรเคมีเนื่องจากภาคอุตสาหกรรมส่งออกมีการเติบโต
ผลจากการใช้ที่ชะลอตัวทำให้การนำเข้าน้ำมันดิบของไทยครึ่งปีแรกโดยรวมอยู่ที่ประมาณ 25,328 ล้านลิตร ลดลง 2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่มูลค่านำเข้ารวมอยู่ที่ 316,395 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 31% หรือเพิ่มขึ้นราว 74,864 ล้านบาท เนื่องจากระดับราคาน้ำมันตลาดโลกมีราคาสูง ประกอบกับค่าเงินบาทเฉลี่ยของไทยอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
สำหรับการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในเดือนมิถุนายน 2564 อยู่ที่ 133.23 ล้านลิตรต่อวัน เพิ่มขึ้น 2.5% จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยปัจจัยหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของกลุ่มน้ำมันอากาศยานที่เพิ่มขึ้น 60.7% เนื่องจากเริ่มมีการเดินทางมากขึ้น การใช้ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) เพิ่มขึ้น 20.6% และน้ำมันเตาเพิ่มขึ้น 20.2% จากการฟื้นตัวของภาคการผลิตเพื่อการส่งออก ขณะที่การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงกลุ่มเบนซิน พบว่าเฉลี่ยอยู่ที่ 29.98 ล้านลิตร/วัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 6.5% ซึ่งเป็นการใช้ที่ลดลงทุกชนิด
การใช้น้ำมันกลุ่มดีเซลเดือน มิ.ย. 2564 พบว่าเฉลี่ยอยู่ที่ 61.17 ล้านลิตรต่อวัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 4.2% การใช้ NGV มิ.ย. 2564 พบว่าเฉลี่ยอยู่ที่ 3.3 ล้านกิโลกรัมต่อวัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 9.1% ปัจจัยสำคัญที่ทำให้การใช้น้ำมันกลุ่มเบนซินและดีเซลลดลงเนื่องจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ขณะที่ส่วนแบ่งการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงของผู้ค้าน้ำมัน พบว่า บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ยังครองส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 1 อยู่ที่ 36.9% รองลงมาคือ เอสโซ่ อยู่ที่ 11.3% บางจากฯ อยู่ที่ 10.3% ไทยออยล์ อยู่ที่ 7.3% และเชลล์ อยู่ที่ 6.8%