ส่งออก มิ.ย. 64 ทำนิวไฮใหม่ เพิ่ม 43.82% สูงสุดในรอบ 11 ปี มีมูลค่า 23,699.43 ล้านเหรียญสหรัฐ เผยสินค้าเกษตรขยายตัว 59.8% สูงสุดรอบ 10 ปี ระบุผลไม้โต 185.10% เฉพาะทุเรียนเพิ่ม 172% มังคุด 488.26% สินค้าเกษตรอุตสาหกรรมก็เพิ่ม 13.5% สินค้าอุตสาหกรรมเพิ่ม 44.7% ส่วนตลาดบวกหมดทั้งหลักและรอง เล็งอัดอีกกว่า 130 กิจกรรมปั๊มส่งออกครึ่งปีหลัง ทำยอดขายล่วงหน้าแล้วกว่า 20,000 ล้าน
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกของไทยในเดือน มิ.ย. 2564 มีมูลค่า 23,699.43 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 43.82% ทำนิวไฮใหม่สูงสุดในรอบ 11 ปี และคิดเป็นเงินบาทมีมูลค่า 738,135.34 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41.48% โดยสินค้าที่มีอัตราการขยายตัวสูง เช่น ผลไม้ เพิ่ม 185.10% และในนี้เป็นทุเรียน เพิ่มขึ้นถึง 172% มังคุด 488.26% อัญมณีและเครื่องประดับ เพิ่ม 90.48% รถยนต์และอุปกรณ์ชิ้นส่วนยานยนต์ เพิ่ม 78.5% เครื่องจักรกล เพิ่ม 73.13% และเคมีภัณฑ์ เพิ่ม 59.82% เป็นต้น
ส่วนสินค้าเกษตร มีอัตราการขยายตัวสูงถึง 59.8% สูงสุดในรอบ 10 ปี สามารถทำรายได้เข้าประเทศถึง 71,473.5 ล้านบาท เป็นการขยายตัว 9 เดือนต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งยางพารา เพิ่มถึง 111.9% ผักผลไม้สดแช่เย็นแช่แข็งและแปรรูป เพิ่ม 110.2% โดยเฉพาะมันสำปะหลัง เพิ่มถึง 81.5% ขณะที่ตลาดสำคัญ ทั้งตลาดหลัก ตลาดรอง มีอัตราการขยายตัวทุกตลาด โดยตลาดหลักเพิ่ม 41.2% ประกอบด้วยจีน ญี่ปุ่น สหรัฐฯ สหภาพยุโรป CLMV อาเซียน เป็นต้น ตลาดรอง เพิ่ม 49.5% ทั้งเอเชียใต้ อินเดีย ศรีลังกา บังกลาเทศ ตลาดตะวันออกกลาง แอฟริกา ละตินอเมริกา และทวีปออสเตรเลีย เป็นต้น
ทั้งนี้ การนำเข้าในเดือน มิ.ย. 2564 มีมูลค่า 22,754.37 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 53.75% ดุลการค้าเกินดุล 945.06 ล้านเหรียญสหรัฐ และภาพรวมการส่งออกครึ่งปี 2564 (ม.ค.-มิ.ย.) มีมูลค่า 132,334.65 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 15.53% การนำเข้ามูลค่า 129,895.50 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 26.15% ดุลการค้าเกินดุล 2,439.15 ล้านเหรียญสหรัฐ
นายจุรินทร์กล่าวว่า แผนการทำงานในช่วงครึ่งปีหลัง กระทรวงพาณิชย์จะร่วมมือกับภาคเอกชนในนาม กรอ.พาณิชย์ และใช้ทีมเซลส์แมนจังหวัด เซลส์แมนประเทศ ร่วมกันทำงานขับเคลื่อนการส่งออก โดยมีกิจกรรมที่จะดำเนินการมากกว่า 130 กิจกรรม และในนี้มีการทำยอดขายสั่งจองล่วงหน้าไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท และยังจะเร่งเปิดตลาดใหม่ให้เป็นรูปธรรม เช่น การผลักดันการส่งออกไก่สดแช่เย็นแช่แข็งเข้าสู่ตลาดซาอุดีอาระเบีย การเจาะตลาดละตินอเมริกา ที่แม้เส้นทางไกล เสียเปรียบคู่แข่ง แต่มีสินค้าที่มีโอกาสมาก เช่น อาหาร และชิ้นส่วนยานยนต์ ที่ป้อนความต้องการการซ่อมแซม
นอกจากนี้ จะต้องยื่นมือเข้าไปช่วยภาคการผลิตเพื่อให้คงตัวเลขส่งออก เพราะขณะนี้บางจังหวัดสั่งปิดโรงงานแบบเหมารวม จะต้องพิจารณากันให้รอบคอบ ส่วนไหนมีปัญหาก็ปิด ส่วนไหนไม่มีปัญหา และไม่คิดว่าจะได้รับผลกระทบก็ควรให้เปิด หรือถ้ามีการปิดทั้งโรงงานแล้ว ส่วนไหนแก้ไขปัญหาจบก็ควรจะเปิดให้ดำเนินการผลิตต่อไปเพื่อไม่ให้การผลิตหยุดชะงักจนกระทบส่งออก ซึ่งจะเรียนคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในสัปดาห์หน้า รวมทั้งต้องเร่งกระจายวัคซีนเข้าสู่ภาคการผลิต โดยเฉพาะโรงงานส่งออก ซึ่งได้เรียน ครม.ไปแล้ว และนายกรัฐมนตรีตอบรับให้จัดการแล้ว และปัญหาเรื่องแรงงาน ก็ได้แจ้ง ครม.แล้ว กระทรวงแรงงานจะเข้ามาดูแลและเร่งรัดการขึ้นทะเบียนแรงงานหมดอายุในจุดต่างๆ เพื่อให้มีความรวดเร็วต่อไป
นายภูษิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กล่าวว่า การส่งออกรายสินค้า นอกจากสินค้าเกษตรที่ขยายตัวสูงถึง 59.8% สูงสุดในรอบ 10 ปี กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมเกษตรก็ขยายตัว 13.5% โดยสินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น อาหารสัตว์เลี้ยง เพิ่ม 27.7% ขยายตัวต่อเนื่อง 22 เดือน น้ำตาลทราย เพิ่ม 18.8% กลับมาขยายตัวในรอบ 15 เดือน และสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัว 44.7% เช่น รถยนต์อุปกรณ์และส่วนประกอบ เพิ่ม 78.5% ส่วนตลาดส่งออก 50 อันดับแรก ซึ่งมีสัดส่วน 97% ของการส่งออกรวม ขยายตัวได้ทุกตลาด