“ศักดิ์สยาม” สั่งศึกษา 4 โครงการนำร่อง MR-Map “มอเตอร์เวย์คู่รถไฟ” MR5 ชุมพร-ระนอง / MR8 โคราช-แหลมฉบัง / MR9 โคราช-อุบลฯ / MR10 วงแหวนรอบ 3 และพ่วงสายอีอีซี-แลนด์บริดจ์ ชี้มีศักยภาพเชื่อมพื้นที่ ศก.บูรณาการโครงข่ายลดเวนคืน
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 12 ก.ค.ได้ประชุมขับเคลื่อนการศึกษาแผนพัฒนาโครงข่าย MR-Map เพื่อติดตามความคืบหน้าโครงการผ่านการประชุมทางไกล (Video Conference) ด้วยระบบ Zoom Cloud Meetings ซึ่งที่ประชุมได้รับทราบความก้าวหน้าผลการดำเนินงานศึกษาจัดทำแผนการพัฒนาโครงข่ายทางพิเศษระหว่างเมืองและระบบราง (MR-Map) ของกรมทางหลวง (ทล.) ปัจจุบันงานศึกษาอยู่ในขั้นตอนการศึกษาเพื่อจัดทำโครงข่ายในเบื้องต้น และคัดเลือกโครงการนำร่องเพื่อศึกษาความเหมาะสมเบื้องต้น โดยได้พิจารณา 4 โครงการนำร่องที่มีศักยภาพ ได้แก่
1. เส้นทาง MR5 ชุมพร-ระนอง ระยะทาง 108 กิโลเมตร โดยการศึกษาจะสอดคล้องกับแนวทางการศึกษาความเหมาะสมโครงการ Land bridge ของกระทรวงคมนาคม และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เพื่อเชื่อมโยงระหว่างฝั่งทะเลอันดามัน-อ่าวไทย ให้เป็นศูนย์กลางการเดินเรือในภูมิภาค
2. เส้นทาง MR8 หนองคาย (ด่านหนองคาย)-แหลมฉบัง ช่วงนครราชสีมา-แหลมฉบัง ระยะทาง 288 กิโลเมตร โดยเบื้องต้นกรมทางหลวงคาดว่าการพัฒนาโครงการนี้จะประกอบด้วย ด่านเข้า-ออก 10 แห่ง ทางแยกต่างระดับ 11 แห่ง อุโมงค์ 3 แห่ง และ Rest Area 8 แห่ง
3. เส้นทาง MR9 กาญจนบุรี (ด่านเจดีย์สามองค์)-อุบลราชธานี (สะพานมิตรภาพแห่งที่ 6) ช่วงนครราชสีมา-อุบลราชธานี ระยะทาง 440 กิโลเมตร โดยเบื้องต้นกรมทางหลวงคาดว่าการพัฒนาจะประกอบด้วย ด่านเข้า-ออก 10 แห่ง ทางแยกต่างระดับ 9 แห่ง และ Rest Area 8 แห่ง
4. เส้นทาง MR10 วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร รอบที่ 3 ระยะทางรวม 319 กิโลเมตร ซึ่งจะมีการพิจารณารูปแบบการกำหนดหมายเลขเส้นทางทั้ง 10 เส้นทาง โดยอยู่ระหว่างการศึกษารูปแบบการกำหนดหมายเลขเส้นทาง MR-Map ให้เป็นระบบตามมาตรฐานต่อไป
นายศักดิ์สยามกล่าววว่า ได้สั่งการให้ศึกษาโครงการนำร่องที่มีศักยภาพเพิ่มเติมอีก 1 เส้นทาง คือ เส้นทางเชื่อมระหว่างเขตพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) - เส้นทาง MR5 (ชุมพร-ระนอง) และกำชับให้กรมทางหลวงเน้นหลักการของโครงการแผนพัฒนาโครงข่าย MR-Map โดยเฉพาะกรณีเส้นทางที่ต้องเลี่ยงการเดินทางเข้าเขตเมืองเพื่อลดปัญหาเรื่องการเวนคืนที่ดินของประชาชน และต้องมีการวางแผนการเชื่อมต่อโครงข่ายเส้นทาง MR-Map กับพื้นที่เขตเมืองให้เชื่อมต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งมอบหมายให้การรถไฟแห่งประเทศไทยดำเนินการศึกษาข้อมูลรูปแบบเส้นทางรถไฟในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาเพื่อบูรณาการเชื่อมต่อโครงข่ายเส้นทาง MR-Map โดยเน้นการใช้ประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก
สำหรับแผนแม่บท MR-Map จำนวน 10 เส้นทาง ประกอบด้วย เส้นทาง MR1 ตาก (ด่านแม่สอด) - นครพนม (ด่านนครพนม) เส้นทาง MR2 กาญจนบุรี (ด่านเจดีย์สามองค์) - อุบลราชธานี (สะพานมิตรภาพแห่งที่ 6) เส้นทาง MR3 กาญจนบุรี (ด่านน้ำพุร้อน) - สระแก้ว (ด่านอรัญประเทศ) เส้นทาง MR4 ชลบุรี-ตราด (ด่านคลองใหญ่) เส้นทาง MR5 ชุมพร-ระนอง เส้นทาง MR6 ภูเก็ต-สุราษฎร์ธานี เส้นทาง MR7 เชียงราย (ด่านเชียงของ) - สงขลา (ด่านชายแดนมาเลเซีย) เส้นทาง MR8 หนองคาย (ด่านหนองคาย) - ชลบุรี (แหลมฉบัง) เส้นทาง MR9 บึงกาฬ (ด่านบึงกาฬ) - สุรินทร์ (ด่านช่องจอม) เส้นทาง MR10 วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร รอบที่ 3
หลักการของโครงการแผนพัฒนาโครงข่าย MR-Map นี้จะช่วยแก้ปัญหาโครงข่ายระบบคมนาคม ลดความซ้ำซ้อนในการดำเนินงานของแต่ละหน่วยงาน ส่งเสริมให้เกิดการบูรณาการของโครงการต่างๆ ที่เกิดขึ้น เช่น โครงการของกรมทางหลวง การทางพิเศษแห่งประเทศไทย และการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้แก่ การพัฒนาวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร รอบที่ 3 การบูรณาการโครงการทางพิเศษสายฉลองรัช-นครนายก-สระบุรี วงแหวนฯ รอบที่ 3 กับโครงการมอเตอร์เวย์สายกาญจนาภิเษก-สระแก้ว
และยังช่วยแก้ไขปัญหาเส้นทางรถไฟที่วิ่งผ่านเขตชุมชนเมือง ที่ทำให้เกิดปัญหาการจราจรและการแบ่งแยกพื้นที่ ได้แก่ โครงการรถไฟทางคู่สายมาบกระเบา-ชุมทางถนนจิระ ช่วงผ่านตัวเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา รวมถึงยังช่วยให้การขนส่งสินค้าทางรางเป็นไปด้วยความสะดวก และลดปัญหาการขนส่งสินค้าทางรางเข้าสู่พื้นที่ในเขตเมืองใหญ่อีกด้วย
นอกจากนี้ ยังเน้นย้ำให้การดำเนินการเป็นในลักษณะการบูรณาการร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมทางหลวง การทางพิเศษแห่งประเทศไทย เป็นต้น และการดำเนินการต่างๆ ต้องลดผลกระทบต่อประชาชน และหากมีการแก้ไขรูปแบบของโครงการที่ได้มีการออกแบบ การรับฟังความเห็นประชาชน หรือการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมไปแล้ว การบูรณาการที่เกิดขึ้นจะต้องอยู่ในกรอบระยะเวลาที่เหมาะสม ทั้งนี้เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนต่อไป