โครงการหลวงต่อยอดความร่วมมือ ปตท.-โออาร์ พัฒนา “โครงการหลวงเลอตอ” ปลูกกาแฟอะราบิกา สร้างชุมชนเข้มแข็ง เพิ่มพื้นที่สีเขียว สู่การเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน
นายจรัลธาดา กรรณสูต องคมนตรี ประธานกรรมการมูลนิธิโครงการหลวง เป็นประธานและร่วมลงนามในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างมูลนิธิโครงการหลวง กับ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) และ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (โออาร์) ในโครงการวิจัยและพัฒนาการปลูกและการผลิตกาแฟระบบอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงเลอตอ อำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก โดยมี พลเอก กัมปนาท รุดดิษฐ์ องคมนตรี ประธานกรรมการบริหารมูลนิธิโครงการหลวง นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และนางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) ร่วมลงนามวันนี้ (1 มิ.ย. 2564)
การลงนามในความร่วมมือครั้งนี้เป็นการสานต่อการดำเนินงานพัฒนาการปลูกกาแฟอะราบิกา โดยนำผลสำเร็จจากความร่วมมือระหว่างมูลนิธิโครงการหลวง กับกลุ่ม ปตท.ที่เริ่มมาตั้งแต่ปี 2557 ที่สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ขยายผลไปสู่ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงเลอตอ อำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก ทั้งในแง่องค์ความรู้ทางวิชาการ การพัฒนาระบบการปลูกกาแฟคุณภาพ มีมาตรฐาน พัฒนาศักยภาพเกษตรกรให้สามารถพึ่งพาตนเองได้ ควบคู่ไปกับการเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้แก่แหล่งต้นน้ำของประเทศ
นายอรรถพลเปิดเผยว่า กลุ่ม ปตท.ได้ร่วมกับมูลนิธิโครงการหลวงดำเนินโครงการวิจัยและพัฒนาการปลูกและการผลิตกาแฟระบบอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ณ ตำบลบ้านหลวง อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่ปี 2557 จนถึงปัจจุบัน ในวันนี้จึงเป็นการสานต่อความร่วมมือในปี 2564-2568 เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงเลอตอ อำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก โดย ปตท.กำหนดแนวทางของโครงการเพื่อพัฒนาชุมชนให้เข้มแข็ง ด้วยการส่งเสริมเศรษฐกิจ พัฒนาทักษะอาชีพ ควบคู่กับการสร้างความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม ผ่านกระบวนการส่งเสริมให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาพื้นที่ เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกับภาคีเครือข่าย ซึ่ง ปตท.จะทำหน้าที่เป็นตัวกลางเพื่อสร้างการเชื่อมโยงให้เกิดความร่วมมือในการพัฒนาชุมชนในพื้นที่ นอกจากนั้น ในด้านสิ่งแวดล้อม สถาบันปลูกป่าและระบบนิเวศ ปตท.มีแผนในการฟื้นฟูป่า จำนวน 200 ไร่ ควบคู่กับการสร้างรายได้ร่วมกับชุมชน ด้วยการพัฒนารูปแบบเพื่อปรับเปลี่ยนการใช้ประโยชน์ที่ดินจากวิถีการปลูกพืชเชิงเดี่ยว เป็นการปลูกไม้ป่าที่เป็นไม้พื้นถิ่น ควบคู่กับไม้ผลเศรษฐกิจที่เหมาะสมกับพื้นที่ เช่น อะโวคาโด พลับ แมคคาเดเมีย และไม้พื้นล่างเพื่อเพิ่มรายได้ระยะสั้น ซึ่งในระยะแรกจะพัฒนาโมเดลการปลูกป่าดังกล่าว โดยใช้องค์ความรู้จากงานวิจัยของสถาบันฯ เพื่อให้เกิดการสร้างรายได้ ควบคู่กับการฟื้นฟูระบบนิเวศ จำนวน 30 ไร่ ในบริเวณพื้นที่สำนักงานโครงการหลวงเลอตอ สำหรับเป็นพื้นที่สาธิตในการถ่ายทอดความรู้สู่ชุมชนโดยรอบ
นางสาวจิราพรกล่าวว่า ความร่วมมือกับมูลนิธิโครงการหลวงในการพัฒนาความรู้เกษตรกรชาวเขาควบคู่กับการจัดการสิ่งแวดล้อมจากการผลิตกาแฟให้มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2557 จนถึงปัจจุบัน โดยบริษัทได้รับซื้อเมล็ดกาแฟดิบจากโครงการหลวงกว่า 2.5 ล้านกิโลกรัม เพื่อนำมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ คาเฟ่ อเมซอน (Café Amazon) สามารถสนับสนุนเกษตรกรชาวเขากว่า 800 รายในพื้นที่โครงการหลวงในจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย และแม่ฮ่องสอน ให้มีรายได้และอาชีพที่มั่นคง
นอกจากนี้ โออาร์ยังมีแผนที่จะนำเมล็ดกาแฟและผลิตผลอื่นๆ จากโครงการฯ ไปพัฒนาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์และสร้างมูลค่าเพิ่มผ่านการทำการตลาดของคาเฟ่อเมซอนที่แสดงความเป็นอัตลักษณ์เฉพาะถิ่นของกาแฟ (Single Origin) เพื่อสร้างให้ชุมชนเป็นที่รู้จัก และเกิดผลดีต่อเศรษฐกิจของชุมชนในภาพรวมต่อไป
ปัจจุบันพื้นที่ผลิตกาแฟของเกษตรกรโครงการหลวง 28 แห่ง ในพื้นที่ปลูก 14,900 ไร่ มีจำนวนเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟกว่า 2,300 ราย และมีผลผลิตกว่า 1,000 ตันต่อปี การดำเนินงานแบบครบวงจรทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ภายใต้บันทึกความร่วมมือในระยะที่ 1 และ 2 ได้ก่อเกิดกาแฟคุณภาพพันธุ์ใหม่ที่เหมาะสมต่อการปลูกบนพื้นที่สูง 14 พันธุ์ มีรูปแบบการปลูกและการแปรรูปกาแฟที่ได้มาตรฐาน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดปัญหาการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะในพื้นที่ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงเลอตอที่มีปัญหาความยากจนและการบุกรุกทำลายป่า ความร่วมมืออย่างต่อเนื่องนี้จะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยผลักดันความสำเร็จในการพัฒนาชุมชนเข้มแข็งตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของโครงการหลวง ส่งเสริมให้คนอยู่ร่วมกับป่าได้อย่างยั่งยืน นำมาซึ่งความมั่นคงทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง