กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศเผย FTA ที่ไทยมีกับอินเดีย 2 ฉบับช่วยหนุนส่งออกสินค้าไทยไปอินเดีย 5 เดือนแรกปี 64 เพิ่มสูงถึง 47% ทำเงินเข้าประเทศกว่า 3 พันล้านเหรียญสหรัฐ ชี้สินค้าอาหารสำเร็จรูป ผลไม้ เครื่องใช้ในครัวเรือน กำลังเป็นที่ต้องการ
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ตัวเลขการค้าและการส่งออกระหว่างไทยกับอินเดีย ซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดคู่ค้าสำคัญ ในช่วง 5 เดือนของปี 2564 (ม.ค.-พ.ค.) มีมูลค่ารวม 5,954 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 54% เป็นการส่งออกมูลค่า 3,281 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 47% โดยสินค้าส่งออกสำคัญของไทยขยายตัวเกือบทุกรายการ เช่น เม็ดพลาสติก เพิ่ม 68% เคมีภัณฑ์ เพิ่ม 46% อัญมณีและเครื่องประดับ เพิ่ม 34% เหล็กและผลิตภัณฑ์ เพิ่ม 48% รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เพิ่ม 50% ไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ เพิ่ม 316,175% เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เพิ่ม 29% เครื่องยนต์สันดาปภายในแบบลูกสูบและส่วนประกอบ เพิ่ม 76% ทองแดงและของทำด้วยทองแดง เพิ่ม 101% และผลิตภัณฑ์ยาง เพิ่ม 28%
ทั้งนี้ ความตกลงการค้าเสรี (FTA) เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของสินค้าไทย โดยสินค้าส่วนใหญ่ที่ส่งไปอินเดียไม่ถูกเก็บภาษีนำเข้า ซึ่งผู้ส่งออกสามารถเลือกใช้ประโยชน์จาก FTA ที่ไทยมีกับอินเดียจำนวน 2 ฉบับ ได้แก่ FTA ไทย-อินเดีย บังคับใช้เมื่อปี 2547 ซึ่งทั้งสองประเทศมีการยกเลิกภาษีนำเข้าสินค้าแล้ว 83 รายการ เช่น เงาะ ลำไย มังคุด ทุเรียน อาหารทะเลกระป๋อง อัญมณีและเครื่องประดับ เม็ดพลาสติก เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และชิ้นส่วนยานยนต์
ส่วนอีกฉบับ คือ FTA อาเซียน-อินเดีย บังคับใช้เมื่อปี 2553 ซึ่งอินเดียได้ยกเลิกภาษีนำเข้าให้กับสินค้าที่ส่งออกจากไทยประมาณ 4,141 รายการ หรือ 79% ของรายการสินค้าทั้งหมด เช่น ปศุสัตว์ ผักผลไม้ ประมงและผลิตภัณฑ์ เม็ดพลาสติก เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ พัดลม ตู้เย็น เครื่องรับวิทยุโทรทัศน์และส่วนประกอบ เครื่องสีข้าว หม้อแปลงไฟฟ้า เครื่องประมวลผลข้อมูล วงจรพิมพ์ ส่วนประกอบของเฟอร์นิเจอร์ และส่วนประกอบของเครื่องยนต์
นางอรมนกล่าวว่า อินเดียถือเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของไทยในภูมิภาคเอเชียใต้ และเป็นตลาดใหญ่ที่มีประชากรเกือบ 1,400 ล้านคน โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้คาดการณ์เศรษฐกิจของอินเดียจะขยายตัว 12.5% ในปีนี้ และในปัจจุบันอินเดียต้องการนำเข้าสินค้าหลายชนิด เนื่องจากผลิตได้ไม่เพียงพอต่อความต้องการในประเทศที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เช่น อาหารสำเร็จรูปพร้อมรับประทาน ผลไม้ และเครื่องใช้ในครัวเรือน ในขณะที่สินค้าของไทยเป็นที่ยอมรับจากผู้บริโภคอินเดียว่าเป็นสินค้าที่มีคุณภาพ ถือเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยในการขยายการส่งออกไปยังตลาดอินเดีย
อย่างไรก็ตาม เมื่อเร็วๆ นี้กรมฯ ได้จัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการสินค้าอาหารและเกษตรแปรรูปของไทยกับอินเดียผ่านระบบออนไลน์ เพื่อใช้ประโยชน์จาก FTA และเจาะตลาดอินเดีย โดยได้ตั้งเป้ามูลค่าการค้าจากการจับคู่ธุรกิจไม่ต่ำกว่า 150 ล้านบาท