การตลาด – เปิดสูตรทางรอด “เซ็นทรัลวิลเลจ” และ “สยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต” ฝ่าคลื่นมรสุมโควิด-19 โหมใส่อย่างหนัก ต้องปรับกลยุทธ์ทุกกระบวนท่า เมื่อไร้นักท่องเที่ยวต่างชาติ เร่งเสริมทัพเปิดร้านแบรนด์เนมชั้นนำ ลุยทุกแพลตฟอร์ม หันหัวรบเจาะคนไทยและเอ็กซ์แพท งัดแคมเปญกระตุ้น
การเกิดขึ้นของ เอาท์เล็ต ในประเทศไทย จาก 2 ค่ายยักษ์ใหญ่ค้าปลีกอย่าง เซ็นทรัลวิลเลจ ของกลุ่มเซ็นทรัลที่ร่วมทุนกับกลุ่มมิตซุยจากญี่ปุ่นที่เปิดบริการก่อนไม่นานขณะที่ สยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต ของกลุ่มสยามพิวรรธน์ ที่ร่วมทุนกับกลุ่มไซมอนจากอเมริกา ที่เปิดบริการทีหลังเมื่อประมาณกลางปีที่แล้ว(2563) เป็นที่น่าจับตามองอย่างมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสถานการณ์โควิด-19 ที่ระบาดอย่างหนักหน่วงเมื่อปีที่แล้วชนิดที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน ยิ่งเป็นผลกระทบหลักที่ทำให้ทั้งสองค่ายตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากอย่างยิ่ง เนื่องจากธุรกิจเอาท์เล็ตมีกลุ่มเป้าหมายหลักก็คือ ตลาดของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาท่องเที่วยและช้อปปิ้งเป็นหลักนั่นเอง
ทว่า ในเมื่อสถานการณ์ที่ต้องปิดประเทศ ปิดน่านฟ้า การเดินทางท่องเที่ยวข้ามประเทศถูกปิดตาย เพราะโควิดเป็นเหตุ ในช่วงที่ผ่านมา
กล่าวได้ว่า 1-2 ปีที่ผ่านมา เอาท์เลตทั้งสองค่าย ต่างก็ต้องปรับตัวปรับกลยุทธ์ เพื่อความอยู่รอด
ดร. ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในสถานการณ์โควิด-19 เซ็นทรัล วิลเลจก็ยังคงเดินหน้าฝ่าทุกวิกฤต ปรับแผนอย่างรวดเร็ว และเคียงข้างพันธมิตรร้านค้าอย่างแข็งแกร่ง ด้วย Success story อย่างเป็นรูปธรรม ยังคงมีทราฟฟิกและยอดขายที่ดีแม้ในช่วงโควิด สะท้อนความเป็น First Mover และ National Player อย่างแท้จริง ซึ่งที่ผ่านมาเราได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากกลุ่มลูกค้าชาวไทย, Expats, และนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพราะเรารู้จักลูกค้าของเราเป็นอย่างดี เข้าใจถึง Lifestyle insight และพฤติกรรมที่มีต่อสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น
นายไมเคิล ถัง กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามพิวรรธน์ ไซม่อน จำกัด ผู้ดูแลโครงการ
สยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต กรุงเทพ กล่าวว่า ตลอดเวลา 1 ปี ที่บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลกอย่าง ไซม่อน พร็อพเพอร์ตี้ กรุ๊ป เพื่อพัฒนาโครงการ “สยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต กรุงเทพ” ในประเทศไทยให้เป็นจุดหมายปลายทางของการช้อปปิ้ง รองรับนักช้อปชาวไทยและนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก ต้องเผชิญความท้าทายอย่างมาก เนื่องจากการขับเคลื่อนธุรกิจเกิดขึ้นภายใต้สถานการณ์ที่ไม่คาดคิด เมื่อต้องรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
*** เปิดสูตร “เซ็นทรัลวิลเลจ-สยามพรีเมี่ยม” ฝ่าโควิด
ค่ายเซ็นทรัลวิลเลจ โดย ดร.ณัฐกิตติ์ เดินกลยุทธ์ Intensive Omnichannel ด้วยแนวทางหลักๆดังนี้
1. ดันยอดขาย Online Shopping Platform ด้วยการเป็นผู้นำ Outlet Shopping ผ่านLive streaming และ ครั้งแรกของไทยกับ ‘Luxury Outlet Chat & Shop On Demand’ เซ็นทรัล วิลเลจ ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก จากการปรับตัวเร็ว รุกตลาดออนไลน์ สร้างยอดขายออนไลน์เติบโตอย่างต่อเนื่องกว่า 145% จากไตรมาสที่ 4 ปี 2563 ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญเพื่อชดเชยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ลดลง โดยแบ่งเป็นคนกรุงเทพฯ 70% และต่างจังหวัดและอื่นๆ 30%
เอาท์เล็ตรายแรกที่ทำ Live streaming และมีช่วงเวลา ‘Golden time’ ที่มีกระแสตอบรับอย่างดี สร้างปรากฏการณ์มีคนรอคอยมากที่สุดด้วยจำนวนแบรนด์ที่หลากหลายและโปรโมชั่นเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะ LIVE เท่านั้น มียอดผู้เข้าชม LIVE Streaming รวมแล้วกว่า 2 ล้านคน (ข้อมูล ก.พ. 64 - มิ.ย. 64)
ครั้งแรกของ “Luxury Outlet Chat & Shop On Demand” ที่สมบูรณ์แบบที่สุด ด้วยช่องทางอำนวยความสะดวกที่ครบที่สุดทั้ง ‘ดีลิเวอรี่ -ช้อปออนไลน์-Drive Thru’ เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ทั้งใน-นอก Catchment
2. Unbeatable advantage ด้วยจุดแข็งของ platform ศูนย์การค้าเซ็นทรัลที่มีสาขาอยู่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะสาขาที่อยู่ใกล้ประเทศเพื่อนบ้านอย่าง เซ็นทรัล หาดใหญ่ และ เซ็นทรัล อุดรธานี เพื่อเป็นจุดส่งต่อสินค้า เชื่อมต่อเครือข่ายการให้บริการ Cross Border เจาะกลุ่มลูกค้าในอาเซียนได้ พร้อมผนึกพันธมิตรทางธุรกิจให้บริการด้านโลจิสติกส์ชั้นนำ เพื่ออำนวยความสะดวกได้แบบ One-stop service ไร้พรมแดน โดยเฉพาะกลุ่ม CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม) และมาเลเซีย นอกจากนี้ ยังสามารถขยาย Target เจาะกลุ่ม Expats ด้วยความเชี่ยวชาญของพันธมิตรระดับโลก บริษัท มิตซูบิชิ เอสเตท เอเชีย หนึ่งใน บริษัท มิตซูบิชิ เอสเตท จำกัด (มหาชน) บิ๊กอสังหาฯ ระดับโลก
โดย CHAT & SHOP ถือเป็น ‘Perfect combination’ ที่ลงตัวเมื่อจับคู่กับศูนย์การค้าเซ็นทรัลที่มีจำนวนสาขามากถึง 33 แห่งทั่วประเทศ เพราะทำให้เรามีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่ง และสามารถ Targeting ลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูงของสาขาอื่นมาต่อยอดทำ CRM Marketing ได้อย่างตรงจุด ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน ก็สามารถช้อปผ่านบริการ CHAT & SHOP ได้ เพียง add LINE Official Account @CentralVillage https://lin.ee/vwF2C3l
รวมทั้งยังมีอีกหลายช่องทางทั้ืงทางเว็บไซต์:http://www.centralvillagebangkok.com, LINE: @centralvillage, Facebook: Central Village, Instagram: centralvillagebangkok
3. สร้างลักชูรี่เอาท์เล็ตที่เป็นมากกว่าเดสติเนชั่นการช้อปปิ้งแบรนด์เนม ด้วยการเจาะ Lifestyle insight เข้าถึง เข้าใจลูกค้า เสริมแกร่งวิสัยทัศน์การเป็น Center of Life ศูนย์กลางการใช้ชีวิตอย่างแท้จริง ด้วยการสร้าง Community หลากหลายจับกลุ่มลูกค้า Hi-end อาทิ
กลุ่ม Affluent Family จากผู้อยู่อาศัยในหมู่บ้านระดับกลางและไฮเอนด์ และโรงเรียนนานาชาติในเขตบางนา และประเวศ โดยกว่า 60% ของกลุ่มลูกค้าคือคนที่อยู่ในรัศมี 15 กม. รวมไปถึง การที่มี Tops Market เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนโดยรอบ
กลุ่ม Urban Sports จับกระแสเทรนด์ไลฟ์สไตล์การเล่นกีฬาอย่าง Skate, Surf skate และ Roller Blade เปิดพื้นที่ของศูนย์ฯ ให้เป็นจุด Hangout ของคนเล่นกีฬาและชอบออกกำลังกาย ปัจจุบันมีกลุ่มลูกค้าที่มาใช้บริการเป็นประจำกว่า 6,000 คน/เดือน
กลุ่ม Luxurious Lifestyle อาทิ การเป็นจุด Meeting และปล่อยรถของกลุ่ม Super car จับกลุ่มลูกค้าไฮเอนด์ รวมถึงผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายรูปทั้งกล้องโปรฯ และ Instagrammable จาก Artist Photo Landmark ทั่วศูนย์ฯ ให้ Mood เหมือนการไปเอาท์เล็ตเมืองนอก และช่วยเพิ่มทราฟฟิกได้ถึง 20% ในช่วงแคมเปญซัมเมอร์ในเดือน มี.ค. 2564 ที่ผ่านมา
4. แคมเปญโปรโมชั่นที่ดีที่สุดแห่งปี ลดสูงสุด 90% ‘Super Brand Grand Sale 2021’ ช้อปชาร์จความสุข กระตุ้นคนไทยให้มาช่วยกัน ช้อปเพื่อสร้างเงินสะพัดให้เศรษฐกิจหมุนเวียน และช่วยร้านค้าเร่งระบายสินค้าที่อาจจะชะลอในช่วงสถานการณ์ที่ผ่านมา พร้อมโปรโมชั่น on-top ที่พลาดไม่ได้ โดยคาดว่าจะช่วยเพิ่มทราฟฟิกได้ประมาณ 20% ภายใต้มาตรการเชิงรุกคุมเข้มขั้นสูงสุด ‘เซ็นทรัล สะอาด มั่นใจ’
ขณะที่ทางด้าน สยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต โดยนายไมเคิล ผู้บริหารสยามพรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กล่าวว่า แม้ปัจจัยแวดล้อมภายนอกเป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ สร้างอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจ แต่ถือเป็นปีที่บริษัทได้เรียนรู้ ปรับตัว วางแนวทางการทำงาน สร้างสรรค์กลยุทธ์ใหม่ ๆ เพื่อผลักดันธุรกิจให้ยังเดินหน้าต่อได้ ภายใต้ข้อจำกัดนานัปการ อาทิ การเร่งพัฒนาโมเดลธุรกิจออนไลน์ (S-Commerce) เพื่อตอบสนองพฤติกรรมนักช้อปในการซื้อสินค้าได้ทุกที่ทุกเวลา การโฟกัสทำตลาดกับลูกค้าคนไทย ทดแทนนักท่องเที่ยวที่หายไปจากผลกระทบของโรคโควิด-19 โดยมีการเพิ่มมาตรการดูแลความปลอดภัยด้านสุขอนามัยทั้งการตรวจวัดอุณหภูมิของลูกค้าก่อนเข้าใช้บริการ การตรวจสุขภาพพนักงานเป็นระยะ สนับสนุนให้พนักงานได้รับวัคซีนโควิด-19 และการคัดกรองพนักงานจากบริษัทคู่ค้าที่เข้ามาทำงานในพื้นที่อย่างเข้มข้น
สำหรับ 1 ปีที่ผ่านมา แม้จะมีเหตุการณ์มากมายเกิดขึ้น แต่การปรับตัวของสยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต กรุงเทพ ทำให้สามารถสร้างผลงานได้อย่างน่าพอใจ โดยเปิดร้านค้าแบรนด์ชั้นนำรวมเป็น 125 ร้านดัง คิดเป็น 91% ของพื้นที่ (ข้อมูลถึงมิถุนายน 2564) สามารถดึงดูดผู้บริโภคให้เข้ามาใช้บริการกว่า 2 ล้านคน โดยมีสัดส่วนเป็นผู้หญิง 65% และผู้ชาย 35% ครอบคลุมทุกกลุ่มอายุ ทั้งเด็ก วัยรุ่น วัยทำงาน ผู้สูงวัย ตอกย้ำความแข็งแกร่งและศักยภาพในการดึงดูดนักช้อปและชาวต่างชาติที่พำนักในประเทศไทย รวมทั้งยังเป็นแหล่งช้อปปิ้งแบรนด์ดังระดับโลกที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการสำหรับทุกคนในครอบครัว โดยคาดว่าในครึ่งปีหลัง2564นี้ สามารถดึงดูดผู้บริโภคเข้ามาใช้บริการได้อีกมากกว่าล้านคน
ขณะที่ยอดการใช้จ่ายของลูกค้าที่เข้ามาช้อปปิ้งภายในสยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต กรุงเทพ เฉลี่ยอยู่ที่ 1,400 – 1,500 บาทต่อคน ซึ่งค่อนข้างน่าพอใจและเหนือความคาดหมาย เนื่องจากสถานการณ์ของโรคระบาดที่เกิดขึ้น ทำให้บริษัทมุ่งมั่นทำตลาดเจาะผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อภายในประเทศ ในทางกลับกันหากมีนักท่องเที่ยวเข้ามาใช้บริการ คาดว่ายอดการใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนจะเพิ่มสูงขึ้นมาก
อย่างไรก็ตาม ปี 2564 นี้เป็นอีกปีที่ท้าทาย เพราะสถานการณ์โรคระบาดยังอยู่กับคนไทยและคนทั้งโลก ทำให้นักท่องเที่ยวยังไม่สามารถเดินทางได้ ส่วนประเทศไทยมีการคาดการณ์ตัวเลขนักท่องเที่ยวจะขยายตัวในระดับต่ำ 1-2% และการฟื้นตัวจะเริ่มดีขึ้นปีหน้า นักท่องเที่ยวจะกลับมาเติบโต 10-15% กระทั่งปี 2566-2567 จึงจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ทำให้สยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต กรุงเทพ ต้องวางกลยุทธ์การตลาด เพื่อรองรับผู้ใช้บริการ ทั้งที่เข้ามาจับจ่ายที่ศูนย์และสั่งซื้อผ่านบริการออนไลน์ต่าง ๆ โดยจัดโปรโมชั่นเพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายคนไทยเป็นหลัก 95% และชาวต่างชาติที่พำนักในประเทศไทย 5%
*** งัดกลยุทธ์รุก-เร่งเปิดร้านแบรนด์เนมเพิ่มปี 2564
แม้ว่าปี 2564 จะผ่านพ้นไปครึ่งปีแล้วก็ตาม แต่สถานการณ์โควิดโดยรวมยังไม่ดีขึ้น กลับยิ่งแย่ลง มีจำนวนผู้ติดเชื้ือเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะไทยเองก็เตรียมที่จะเปิดประเทศด้วยนโยบายอีก 120 วัน ทั้งสองค่ายก็เตรียมแผนรุกไว้รองรับ
ดร. ณัฐกิตติ์ จากค่าย เซ็นทรัล วิลเลจ มองว่า เรามั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าสถานการณ์ทั่วโลกรวมทั้งภายในประเทศกำลังมีแนวโน้มดีขึ้น จากปัจจัยหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการเร่งกระจายวัคซีนแก่ประชาชน, การตั้งเป้าเปิดประเทศใน 120 วัน และการเริ่มทยอยผ่อนคลายมาตรการในธุรกิจต่างๆ ของ เป็นต้น
นายไมเคิล ผู้บริหารของสยามพรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กล่าวว่า ในปี 2564 นี้ มีร้านดังที่ทยอยเปิด ได้แก่ รีบอค (Reebok) , แบรนด์เสื้อผ้าสไตล์สมาร์ทแคชชวลของสุภาพบุรุษ บราวน์ แอนด์ โค (Browne & Co.), แบรนด์แฟชั่นสุภาพบุรุษ ยู บาย อุงกาโร (U by Ungaro) และ ปิแอร์ การ์แดง (Pierre Cardin), แบรนด์ชุดนอนผ้าเยื่อไม้ไผ่แท้ วินเทล (Vintel), แบรนด์ชุดนอน ชุดอยู่บ้าน ลิขสิทธิ์แท้ โจศิรินส์ (Josilins), ร้านของเล่นเด็ก ๆ อัลฟ่าคิด (Alphakid) และแบรนด์ดังที่จะเปิดเพิ่มครึ่งปีหลัง ได้แก่ แบรนด์กระเป๋าถือแบรนด์ดังจากฝรั่งเศส ลองฌองป์ (Longchamp) ซึ่งจะเปิด Exclusive Outlet แห่งแรกที่ สยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต กรุงเทพ ในเดือนสิงหาคมนี้ รวมถึงร้านรองเท้าแบรนด์ยอดนิยมอย่าง เอคโค่ (Ecco)
รวมทั้งยังมีร้าน ป๊อป อัพ สโตร์ (pop-up store) ที่หมุนเวียนมาเปิด เช่น เสื้อผ้าแบรนด์สำหรับวัยรุ่นวัยทำงานอย่าง โพเมโล (Pomelo) เปิดร้าน ป๊อป อัพ สโตร์ (pop-up store) พื้นที่กว่า 500 ตรม., ลัช (Lush) ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติแบรนด์ดังจากอังกฤษ ซึ่งเปิดให้บริการเป็นที่แรกที่สยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต กรุงเทพ และมีแบรนด์รองเท้าอย่าง ไนน์ เวสท์ (Nine West), สตีฟ แมดเด้น (Steve Madden) แอร์วอร์ค (Airwalk) และเฟอร์นิเจอร์นำเข้าจากสหรัฐอเมริกา โยกิโบ (Yogibo)
นอกจากนี้ กลยุทธ์การบุกตลาด สยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต กรุงเทพ ได้ปรับตัวให้สอดคล้องวิถีปกติใหม่หรือ New Normal จึงพัฒนาแพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์อย่างต่อเนื่อง ทุกแพลตฟอร์ม ทั้งเว็บไซต์ของสยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต กรุงเทพที่ www.siampremiumoutlets.com โซเชียลคอมเมิร์ซผ่าน Facebook: facebook.com/SiamPremiumOutletsBangkok, อินสตาแกรม : Instagram.com/siampremiumoutletsbangkok และบริการ CHAT&SHOP บนไลน์ออฟฟิเชี่ยล : @siampremiumoutlets ซึ่งคาดว่าบริการนี้จะสามารถช่วยให้ร้านค้าต่าง ๆ สามารถเพิ่มยอดขายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 10-30%
*** อัดแคมเปญกระตุ้นกำลังซื้อดูดนักช้อป
“การก้าวสู่ปีที่ 2 ของสยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต กรุงเทพ เรายังไม่หยุดพัฒนาในการสรรหาสินค้าลักชัวรี่แบรนด์ระดับเวิลด์คลาส และอินเตอร์เนชั่นแนลแบรนด์ เข้ามาเพิ่มความหลากหลาย การหาพันธมิตรใหม่ ๆ มาช่วยเติมเต็มประสบการณ์ช้อปปิ้งให้แก่ลูกค้า โดยมุ่งมั่นในการเชื่อมต่อการช้อปปิ้งทั้งออฟไลน์สู่ออนไลน์ ไม่เพียงรองรับยุคดิจิทัล แต่ยังเป็นการรับวิถีชีวิตใหม่ของผู้บริโภค เดินหน้าสร้างสรรค์กลยุทธ์การตลาด จัดโปรโมชั่นที่โดนใจ ทั้งหมดเพื่อมอบประสบการณ์ช้อปปิ้งที่ดีที่สุดให้แก่กลุ่มเป้าหมายทุกคน” นายไมเคิล กล่าว
ล่าสุดฉลองครบรอบ 1 ปี สยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต กรุงเทพ ได้ผนึกพันธมิตรเพื่อจัดแคมเปญและโปรโมชั่น “FIRST ANNIVERSARY” ช้อปครบ 3,000 บาท รับ Gift Voucher จากร้านค้าที่ร่วมรายการ สูงสุด 500 บาท จัดเต็มเครดิตเงินคืนรวมสูงสุด 18,000 บาท ถึง 18 ก.ค. 64 นี้ รวมทั้งลูกค้าที่ถือบัตรเครดิตวันสยาม-กสิกรไทย และบัตรเครดิตกสิกรไทย, บัตรเครดิตไทยพาณิชย์, บัตรเครดิตเคทีซี, บัตรเครดิตกรุงศรี, บัตรเครดิตธนาคารออมสิน และบัตรเครดิตทีทีบี ทีเอ็มบี และธนชาต สามารถรับเครดิตเงินคืนตามเงื่อนไข และสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ อีกมากมาย รวมทั้งโปรโมชั่นจากพาร์ตเนอร์ Rabbit Rewards สามารถนำคะแนนแลกบัตร Siam Gift Card มูลค่า 200 - 1,000 บาท และคูปองจากร้านค้าที่ร่วมรายการ รวมถึงบัตรเครดิต JCB เมื่อช้อปครบ 5,000 บาท รับบัตร Siam Gift Card มูลค่า 100 บาท และเมื่อช้อปครบ 15,000 บาท รับบัตร 1 Day Pass เพื่อใช้บริการที่ VIP Lounge”จากสินค้าลักชัวรี่แบรนด์ระดับเวิลด์คลาส และอินเตอร์เนชั่นแนลแบรนด์ชั้นนำกว่า 300 แบรนด์
ทางด้าน เซ็นทรัล วิลเลจ ก็ได้จัดแคมเปญ “Super Brand Grand Sale 2021” ช้อปชาร์จความสุขประหยัดสูงสุด 90% พร้อมสินค้า Weekly WOW Price ราคาสุดพิเศษทุกสัปดาห์ จากแบรนด์ที่ร่วมรายการ อาทิ Polo Ralph Lauren, Calvin Klein, Tommy Hilfiger, Coccinelle, Kate Spade, Coach, Outlet by Club21, Michael Kors, Geox, Keds, Ripcurl และ Jim Thompson เป็นต้น เริ่ม 18 มิ.ย. - 31 ก.ค. 2564 Central Village cash voucher on-top สำหรับสมาชิกเดอะ 1 มากมาย อาทิ รับ cash voucher มูลค่า 500 บาท เมื่อช้อปครบ 20,000บาท (*จำนวนรวม 350 สิทธ์ตลอดแคมเปญ), รับ cash voucher มูลค่า 1,500 บาท เมื่อช้อปครบ 50,000บาท (*จำนวนรวม 100 สิทธ์ตลอดแคมเปญ), Top Spender Promotion รับฟรี! Cash Voucher มูลค่า 4,000 บาท เมื่อช้อปครบ 100,000 บาท (*ลูกค้า 10 ท่านแรกตลอดแคมเปญ), VIPs Exclusive Offers สำหรับสมาชิก The 1 TOP 20 และ VIP Members ที่ได้รับการเชิญผ่าน SMS รับฟรี Luxury Brands E-Vouchers, Chat & Shop Special Promotion รับฟรี! E-Voucher มูลค่า 100 บาท เมื่อ ช้อปครบ 9,000 บาท ผ่านช่องทาง Chat&Shop (*จำนวนรวม 100 สิทธิ์) และรับ Premium Redemption เมื่อ ช้อปครบ 3,000 บาทขึ้นไป แลกซื้อสินค้าจากแบรนด์ Jurlique และ Ruen Rom (Karmart) ในราคาพิเศษ เป็นต้น .