ผู้จัดการรายวัน 360- เจาะกลยุทธ์ก้าวสู่ปีที่ 2 สยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต กรุงเทพ เล็งยกทัพแฟชั่นแบรนด์ดัง ดึงคนไทยสัมผัสประสบการณ์ช้อปปิ้งระดับโลก ขยายทุกแพลตฟอร์มออนไลน์ เชื่อมโลกซื้อสินค้าผ่านหน้าจอ พร้อมดึงพันธมิตรเปิดช็อปอย่างต่อเนื่อง เพิ่มมาตรการเข้มด้านสุขอนามัย มั่นใจในมาตรการป้องกันโควิด-19 พร้อมแผนรองรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศเมื่อสถานการณ์ฟื้นตัว
นายไมเคิ้ล ถัง กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามพิวรรธน์ ไซม่อน จำกัด ผู้ดูแลโครงการ สยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต กรุงเทพ เปิดเผยว่า ตลอดเวลา 1 ปี ที่บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลกอย่าง ไซม่อน พร็อพเพอร์ตี้ กรุ๊ป ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ได้เปิดบริการ “สยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต กรุงเทพ” ในประเทศไทย ต้องเผชิญความท้าทายอย่างมาก เนื่องจากการขับเคลื่อนธุรกิจเกิดขึ้นภายใต้สถานการณ์ที่ไม่คาดคิด เมื่อต้องรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
อย่างไรก็ตามเราเรียนรู้ ปรับตัว วางแนวทางการทำงาน สร้างสรรค์กลยุทธ์ใหม่ ๆ เพื่อผลักดันธุรกิจให้ยังเดินหน้าต่อได้ ภายใต้ข้อจำกัดนานัปการ อาทิ การเร่งพัฒนาโมเดลธุรกิจออนไลน์ (S-Commerce) การโฟกัสทำตลาดกับลูกค้าคนไทย ทดแทนนักท่องเที่ยวที่หายไปจากผลกระทบของโรคโควิด-19 โดยมีการเพิ่มมาตรการดูแลความปลอดภัยเข้มงวด สนับสนุนให้พนักงานได้รับวัคซีนโควิด-19
สำหรับ 1 ปีที่ผ่านมาเปิดร้านค้าแบรนด์ชั้นนำรวมเป็น 125 ร้านดัง คิดเป็น 91% ของพื้นที่ (ข้อมูลถึงมิถุนายน 2564) สามารถดึงดูดผู้บริโภคให้เข้ามาใช้บริการกว่า 2 ล้านคน สัดส่วนเป็นผู้หญิง 65% และผู้ชาย 35% ครอบคลุมทุกกลุ่มอายุและดึงดูดนักช้อปและชาวต่างชาติที่พำนักในประเทศไทย โดยคาดว่าครึ่งปีหลัง2564นี้ จะดึงดูดผู้บริโภคเข้ามาใช้บริการได้อีกมากกว่าล้านคน
ยอดการใช้จ่ายของลูกค้าที่ภายในสยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต กรุงเทพ เฉลี่ยอยู่ที่ 1,400 – 1,500 บาทต่อคน ทำให้บริษัทมุ่งทำตลาดเจาะผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อภายในประเทศ และหากมีนักท่องเที่ยวเข้ามาใช้บริการ คาดว่ายอดการใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนจะเพิ่มขึ้นมาก
ปี 2564 นี้เป็นอีกปีที่ท้าทาย เพราะโรคระบาดยังอยู่กับคนไทยและคนทั้งโลก ทำให้นักท่องเที่ยวยังไม่สามารถเดินทางได้ ส่วนประเทศไทยมีการคาดการณ์ตัวเลขนักท่องเที่ยวจะขยายตัวในระดับต่ำ 1-2% และการฟื้นตัวจะเริ่มดีขึ้นปีหน้า นักท่องเที่ยวจะกลับมาเติบโต 10-15% กระทั่งปี 2566-2567 จึงจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ เราจึงต้องวางกลยุทธ์การตลาดเพื่อรองรับผู้ใช้บริการ ทั้งที่เข้ามาจับจ่ายที่ศูนย์และสั่งซื้อผ่านบริการออนไลน์ต่าง ๆ โดยจัดโปรโมชั่นเพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายคนไทยเป็นหลัก 95% และชาวต่างชาติที่พำนักในประเทศไทย 5%
นายไมเคิ้ล ถัง กล่าวว่า ต้นปี 2564 นี้ มีร้านดังที่ทยอยเปิด ได้แก่ รีบอค , บราวน์ แอนด์ โค, ยู บาย อุงกาโรและ ปิแอร์ การ์แดง , วินเทล, โจศิรินส์ , ร้านของเล่นเด็ก ๆ อัลฟ่าคิด และแบรนด์ดังที่จะเปิดเพิ่มครึ่งปีหลัง ได้แก่ ลองฌองป์ ซึ่งจะเปิด เอ็กซ์คลูซีฟเอาท์เล็ตแห่งแรกที่ สยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต กรุงเทพ เดือนสิงหาคมนี้ และเอคโค่ และ ยังเปิด ป๊อป อัพ สโตร์ที่หมุนเวียนมาเปิด เช่น โพเมโล , ลัช ซึ่งเปิดที่แรกที่สยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต กรุงเทพ , ไนน์ เวสท์ , สตีฟ แมดเด้น แอร์วอร์ค และโยกิโบ
นอกจากนี้ ยังได้พัฒนาแพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์อย่างต่อเนื่องทุกแพลตฟอร์ม ทั้งเว็บไซต์ของสยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต กรุงเทพที่ www.siampremiumoutlets.com โซเชียลคอมเมิร์ซผ่าน Facebook: facebook.com/SiamPremiumOutletsBangkok, อินสตาแกรม : Instagram.com/siampremiumoutletsbangkok และบริการ CHAT&SHOP บนไลน์ออฟฟิเชี่ยล : @siampremiumoutlets โดยมีมากว่า 30 แบรนด์ที่เข้าร่วม ซึ่งคาดว่าบริการนี้จะสามารถช่วยให้ร้านค้าต่าง ๆ สามารถเพิ่มยอดขายได้ 10-30%
การก้าวสู่ปีที่ 2 ของสยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต กรุงเทพ เรายังไม่หยุดพัฒนาในการสรรหาสินค้าลักชัวรี่แบรนด์ระดับเวิลด์คลาส และอินเตอร์เนชั่นแนลแบรนด์ เข้ามาเพิ่มความหลากหลาย การหาพันธมิตรใหม่ ๆ มาช่วยเติมเต็มประสบการณ์ช้อปปิ้งให้แก่ลูกค้า โดยมุ่งมั่นในการเชื่อมต่อการช้อปปิ้งทั้งออฟไลน์สู่ออนไลน์ ไม่เพียงรองรับยุคดิจิทัล แต่ยังเป็นการรับวิถีชีวิตใหม่ของผู้บริโภค ล่าสุดฉลองครบรอบ 1 ปี จัดแคมเปญ “FIRST ANNIVERSARY”
เขากล่าวด้วยว่า บริษัทฯมีแผนขยายสาขาใหม่ ยังไม่ล้มเลิกแผนแต่คงต้องดูจังหวะที่เหมาะสม ส่วนกรณีที่ทางรัฐบาลจีนสนับสนุนให้คนจีนช้อปปิ้งในประเทศตัวเอง ยอมรับว่ามีผลกระทบในช่วงแรก แต่เมื่อเวลาผ่านไป สถานการณ์ดีขึ้น คนจีนย่อมต้องออกมาช้อปปิ้งนอกประเทศอยู่ดี