คณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว อนุญาตคนต่างชาติลงทุนเดือน พ.ค. 64 จำนวน 20 ราย ส่วนใหญ่มาจากญี่ปุ่น ไต้หวัน และสิงคโปร์ นำเงินเข้ามาลงทุน 351 ล้าน จ้างงานคนไทย 743 คน และมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีในสาขาที่ไทยไม่มีความชำนาญหรือเชี่ยวชาญให้ด้วย
นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว เปิดเผยว่า เดือน พ.ค. 2564 ที่ผ่านมา คณะกรรมการฯ ได้อนุญาตให้คนต่างชาติ 20 รายประกอบธุรกิจในประเทศไทย ภายใต้ พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว โดยส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนจากญี่ปุ่น ไต้หวัน และสิงคโปร์ มีการนำเงินเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจกว่า 351 ล้านบาท ส่งเสริมให้เกิดการจ้างงานคนไทย 743 คน และยังมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันเป็นองค์ความรู้เฉพาะด้านโดยตรงจากประเทศผู้เข้ามาลงทุนให้แก่ไทยด้วย
ทั้งนี้ การถ่ายทอดเทคโนโลยีอันเป็นวิทยาการซึ่งเป็นองค์ความรู้ในแขนงที่คนไทยยังไม่มีความชำนาญหรือมีความเชี่ยวชาญในระดับที่ไม่สูงมากนัก เช่น องค์ความรู้เกี่ยวกับการออกแบบระบบ การติดตั้ง การบริหารจัดการ และการบำรุงรักษาระบบควบคุมการจัดการจราจร องค์ความรู้เกี่ยวกับเทคนิคการบริหารจัดการระบบรางรถไฟฟ้าความเร็วสูงให้เป็นไปตามหลักมาตรฐานสากลวิศวกรรม องค์ความรู้เกี่ยวกับการออกแบบระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) โดยใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ (Software) สำหรับช่วยทำงานแบบอัตโนมัติ เป็นต้น
สำหรับธุรกิจที่คนต่างชาติได้รับอนุญาต ได้แก่ 1. ธุรกิจบริการให้แก่ลูกค้า จำนวน 8 ราย ส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนจากญี่ปุ่น เงินลงทุนจำนวนทั้งสิ้น 121 ล้านบาท เช่น บริการให้ใช้ช่วงสิทธิโปรแกรมคอมพิวเตอร์ สำหรับการวิเคราะห์และประเมินสภาพเพื่อทำการซ่อมแซมบำรุงรักษารถจักรยานยนต์แก่ตัวแทนจำหน่าย (dealer) ในประเทศไทย บริการขายต่อบริการโทรคมนาคมเพื่อภายในประเทศ ประเภทบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบโครงข่ายเสมือน ระดับ Medium ตามที่ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการ กสทช. และบริการให้ใช้ระบบประมวลผลข้อมูลการติดตามตัวรถและการใช้รถ เป็นต้น
2. ธุรกิจนายหน้า/ค้าปลีกสินค้าสำหรับใช้ในอุตสาหกรรม/ค้าส่งสินค้า จำนวน 5 ราย เป็นนักลงทุนจากญี่ปุ่น และจีน เงินลงทุนจำนวนทั้งสิ้น 66 ล้านบาท เช่น การทำกิจการนายหน้าประกันวินาศภัยประเภทการจัดให้มีการประกันภัยโดยตรง ตามที่ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) การค้าส่งสินค้าประเภทเครื่องสวมฉลาก (Sleeve labeling machine) ซึ่งออกแบบและพัฒนา หรือผลิตโดยบริษัทในเครือในต่างประเทศ รวมทั้งการให้เช่า และบำรุงรักษาซ่อมแซมเครื่องดังกล่าว และการค้าปลีกเครื่องหยั่งทดสอบชั้นดินในสนามสำหรับการจำแนกประเภทของดิน (Sounding Test Machine-Geokarte) และเครื่องขันสกรูอัตโนมัติ (Screw Driving Robot) ที่ผลิตโดยบริษัทในเครือในประเทศญี่ปุ่น รวมถึงชิ้นส่วนและอุปกรณ์ที่ใช้ร่วมกับเครื่องฯ ดังกล่าว เป็นต้น
3. ธุรกิจบริการให้แก่บริษัทในเครือ จำนวน 4 ราย เป็นนักลงทุนจากญี่ปุ่น สิงคโปร์ และฝรั่งเศส เงินลงทุนจำนวนทั้งสิ้น 78 ล้านบาท เช่น บริการให้กู้ยืมเงินแก่บริษัทในเครือในต่างประเทศตามที่ระบุชื่อ และบริการพัฒนา Application & Software รวมถึงการให้ใช้สิทธิการใช้งาน Application สำหรับการบริการให้เช่า ให้เช่าซื้อ และขายรถยนต์ และ Software สำหรับช่วยเหลือการทำงานด้านการสืบค้นข้อมูล การบันทึกข้อมูล การจัดทำรายงานและการบริหารจัดการข้อมูลบนระบบคอมพิวเตอร์แบบอัตโนมัติ เป็นต้น
4. ธุรกิจบริการโดยเป็นคู่สัญญากับเอกชน จำนวน 3 ราย เป็นนักลงทุนจากไต้หวัน และเยอรมนี เงินลงทุนจำนวนทั้งสิ้น 86 ล้านบาท ได้แก่ บริการออกแบบ จัดหา ก่อสร้าง ติดตั้งระบบชำระค่าธรรมเนียมผ่านทาง และระบบควบคุมการจัดการจราจร ภายใต้โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง และบริการทางวิศวกรรมในการเป็นที่ปรึกษาเพื่อตรวจสอบและให้คำปรึกษาแนะนำ ภายใต้โครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน (ดอนเมือง สุวรรณภูมิ และอู่ตะเภา)
ตั้งแต่ ม.ค.-พ.ค. 2564 มีนักลงทุนต่างชาติได้รับอนุญาตรวม 95 ราย เงินลงทุนจำนวนทั้งสิ้น 8,311 ล้านบาท ธุรกิจที่ได้รับอนุญาตส่วนใหญ่เป็นธุรกิจที่สอดคล้องกับนโยบายส่งเสริมการลงทุนของภาครัฐ และสนับสนุนธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ เช่น ธุรกิจบริการเป็นที่ปรึกษาเพื่อบริหารโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินในประเทศไทย ธุรกิจบริการออกแบบ จัดหา ก่อสร้าง ติดตั้งระบบชำระค่าธรรมเนียมผ่านทาง และระบบควบคุมการจัดการจราจร ภายใต้โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง ธุรกิจบริการออกแบบทางวิศวกรรม วางระบบและทดสอบเครื่องจักรและอุปกรณ์สำหรับโครงการศูนย์กระจายสินค้าและคลังสินค้าอัจฉริยะระหว่างประเทศ ธุรกิจบริการวิจัย พัฒนา และทดสอบชิ้นส่วนของเครื่องทำความร้อน ระบายอากาศ และปรับอากาศสำหรับยานยนต์ ธุรกิจค้าส่ง และให้คำปรึกษาแนะนำการใช้งาน การบำรุงรักษา และซ่อมแซมเครื่องมือแพทย์ และธุรกิจบริการออกแบบและพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลด้านประกันภัย เป็นต้น