xs
xsm
sm
md
lg

สนค.เปิดรับฟังความคิดเห็น ทำยุทธศาสตร์การค้าชาติ 5 ปี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สนค.เดินหน้ารับฟังความคิดเห็นภาครัฐ เอกชน และประชาสังคม เพื่อจัดทำยุทธศาสตร์การค้าของประเทศระยะ 5 ปี เบื้องต้นกำหนด 4 กลุ่มเป้าหมาย เกษตรแปรรูปและอาหาร บริการสุขภาพ อุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ และดิจิทัล เหตุสอดคล้องกับทิศทางการค้าโลก การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี และการเข้าสู่สังคมสูงวัย

นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการจัดทำยุทธศาสตร์การค้าของประเทศ ว่า ขณะนี้ สนค.อยู่ในช่วงการเปิดรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ต่อทิศทางการพัฒนาการค้าของไทย หลังจากที่ได้กำหนดกลุ่มสินค้าและบริการเป้าหมายในเบื้องต้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมี 4 กลุ่ม คือ 1. กลุ่มอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูปและอาหาร 2. กลุ่มสาขาบริการสุขภาพ Health & Wellness 3. กลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ และ 4. กลุ่มอุตสาหกรรมดิจิทัล ซึ่งทั้ง 4 กลุ่มนี้ เป็นกลุ่มที่ไทยมีขีดความสามารถ ทั้งในด้านการผลิต ความพร้อมในการให้บริการ มีขีดความสามารถในการแข่งขัน และเป็นกลุ่มที่เป็นอนาคตของประเทศ โดยจะเปิดรับฟังความเห็นผ่านช่องทางออนไลน์ ครอบคลุมทุกภาค และเก็บข้อมูลเชิงลึกจากการสัมภาษณ์ผู้บริหารภาครัฐและเอกชน โดยคาดว่าจะได้เห็นร่างทิศทางการค้าในระยะ 5 ปี ในเดือน มิ.ย. 2564 นี้

สำหรับ 4 กลุ่มเป้าหมายที่ สนค.คัดเลือกมาเพื่อจัดทำยุทธศาสตร์การค้าไทย เนื่องจากเป็นกลุ่มที่สอดคล้องกับทิศทางการค้าโลก ทั้งกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก เทคโนโลยี ห่วงโซ่มูลค่าโลก การเข้าสู่สังคมสูงวัย หรือแม้แต่ผลกระทบจากโควิด-19 และไทยยังมีจุดแข็ง มีโอกาส ตลอดจนประโยชน์ที่ไทยจะได้รับ อีกทั้งยังเชื่อมโยงและสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติและนโยบายที่รัฐบาลต้องการผลักดัน เช่น 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-Curve & new S-Curve) และ BCG Economy เป็นต้น ซึ่งจะทำให้ไทยมีทิศทางที่ชัดเจนในการพัฒนาด้านการค้าของประเทศ พร้อมด้วยแนวทางการขับเคลื่อนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

โดยอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูปและอาหารของไทยเป็นอุตสาหกรรมดาวเด่น ไทยเป็นฐานการผลิตสินค้าเกษตรที่สำคัญ มีวัตถุดิบที่เพียบพร้อม เป็นครัวของโลก และยังเป็นประเทศที่ได้รับการยอมรับในเรื่องคุณภาพ มาตรฐาน และสามารถผลิตอาหารเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดโลกได้ทุกกลุ่มผู้บริโภค โดยในการกำหนดยุทธศาสตร์การค้าในเรื่องนี้ ก็ต้องมองว่าไทยจะมีจุดยืนอย่างไร สินค้าไหนที่เป็นสินค้าดาวรุ่ง และควรจะมุ่งไปในทิศทางไหน

ส่วนบริการสุขภาพ ปัจจุบันไทยมีบริการที่หลากหลาย ทั้งด้านการดูแลสุขภาพและความเจ็บป่วย มีบริการด้านความงาม การดูแลสุขภาพ บริการด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่อสุขภาพ การท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ สปาเพื่อสุขภาพ การดูแลผู้สูงอายุ จึงต้องมาวางแผนล่วงหน้าว่า เมื่อสถานการณ์โควิดปรับตัวดีขึ้นแล้ว จะผลักดันให้ไทยมีความโดดเด่นในเรื่องบริการสุขภาพอย่างไร เพราะกระแสโลกมีการเติบโตมาก คาดว่าตลาดบริการด้านสุขภาพจะมีมูลค่าสูงถึง 42,400 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2569 เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 4.1% ต่อปี ตั้งแต่ปี 2564-69 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการเติบโตของการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ การเปลี่ยนผ่านเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ การเพิ่มขึ้นของผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพ การเพิ่มขึ้นของโรคต่างๆ

ขณะที่อุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ ถือเป็นเรื่องใหม่ แต่มีแนวโน้มเติบโต และนโยบายรัฐบาลให้ความสำคัญในการขับเคลื่อน BCG Economy ซึ่งไทยจะต้องมีจุดยืนและนโยบายในการขับเคลื่อน ทั้งการนำเทคโนโลยีชีวภาพมาใช้ในภาคการเกษตร อุตสาหกรรมอาหาร การปกป้องสิ่งแวดล้อม และการแพทย์เพื่อสุขภาพ ซึ่งล้วนแต่เป็นเรื่องที่เป็นอนาคตของประเทศ

ด้านอุตสาหกรรมดิจิทัล ที่จะต้องมีการทำยุทธศาสตร์ เพื่อเป็นการวางรากฐานในการพัฒนาประเทศ เพราะปัจจุบันรัฐบาลได้ให้ความสำคัญต่อนโยบายไทยแลนด์ 4.0 มีการนำเทคโนโลยีมาใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ จึงต้องวางแผนในการพัฒนาและขับเคลื่อนอุตสาหกรรมดิจิทัลของไทย เช่น e-Commerce, loT, ดิจิทัลคอนเทนต์ และคลาวด์คอมพิวติ้ง เป็นต้น


กำลังโหลดความคิดเห็น