ศูนย์การค้าเมกาบางนา ร่วมกับร้านค้า และผู้เช่ากลุ่มร้านอาหาร ตอบรับโครงการตามนโยบายภาครัฐ พร้อมดึงผู้เช่า ร้านค้าแบรนด์ดังร่วมแคมเปญของศูนย์ฯ ด้านกลุ่มร้านค้ารายย่อยได้ให้การตอบรับเป็นอย่างดีในการสมัครเข้าร่วมโครงการเยียวยาโควิด-19 ของภาครัฐ ที่สามารถรับชำระเงินจากโครงการคนละครึ่ง เฟส 3, ม.33, เรารักกัน และเราชนะ โดยคาดว่าจะช่วยกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยภายในศูนย์ฯ อันเป็นสิ่งสำคัญในการขับเคลื่อนภาคธุรกิจทั้งรายเล็กและรายใหญ่ให้ผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19 ไปได้
นอกจากนี้ ทางศูนย์ฯ ยังคงดำเนินการตามมาตรการการรักษาความสะอาดและการรักษาระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) ทั่วทุกพื้นที่ภายในศูนย์ฯ คุมเข้มเรื่องความสะอาดอย่างเคร่งครัด โดยจัดทำความสะอาดทุกๆ หนึ่งชั่วโมงตามจุดที่ลูกค้าสัมผัสบ่อย ตลอดจนพื้นที่ส่วนกลาง อีกทั้งยังกำชับร้านค้าและร้านอาหารร่วมมือปฏิบัติตามมาตรการเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เช่น การจำกัดจำนวนคนเข้าใช้บริการในพื้นที่ จำกัดจำนวนของลูกค้าที่จะมารับประทานอาหารภายในร้านได้ไม่เกิน 25% ของพื้นที่ให้บริการปกติ กำหนดระยะเวลาการให้บริการในร้านอาหารไม่เกิน 2 ชั่วโมง การใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลาเมื่ออยู่ภายในพื้นที่ศูนย์การค้า เป็นต้น
นางสาวปพิตชญา สุวรรณดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ศูนย์การค้าเมกาบางนา เปิดเผยว่า “ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทางเมกาบางนาและร้านค้าผู้เช่าภายในศูนย์ฯ ยังคงดำเนินมาตรการด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัดในทุก ๆ ด้าน เพื่อร่วมกันป้องกันการแพร่ระบาดของโรคตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข และสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้าทุกครั้งที่มาใช้บริการที่เมกาบางนา เช่น การพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อทุกวัน เพิ่มความถี่ในการทำความสะอาดในศูนย์ฯ การจำกัดจำนวนผู้เข้ามาใช้บริการ รวมไปถึงการเพิ่มอุปกรณ์ต่างๆ ที่ช่วยลดการสัมผัสของพนักงานระหว่างการทำงาน และเพิ่มความแม่นยำของข้อมูล เช่น เครื่องตรวจวัดอุณหภูมิ และหุ่นยนต์ทำความสะอาด เป็นต้น
ในส่วนของร้านอาหารภายในศูนย์ฯ ตามที่ภาครัฐได้ประกาศปรับระดับมาตรการของร้านอาหาร เริ่มเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2564 ที่ผ่านมา โดยให้ลูกค้าร้านอาหารสามารถนั่งรับประทานอาหารในร้านได้ไม่เกิน 21.00 น. และนั่งได้ไม่เกิน 25% ของจำนวนที่นั่งปกติ และยังคงจำหน่ายแบบสั่งกลับบ้าน (Take Away) ควบคู่ไปกับการจัดส่งถึงบ้าน (Delivery) ทั้งนี้ ยังคงห้ามดื่มสุราหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้าน ทางเมกาบางนา และร้านอาหารภายในศูนย์ฯ ได้ปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด รวมไปถึงมีมาตรการเพิ่มเติมในด้านของการคัดกรองลูกค้า พนักงาน และผู้ที่เกี่ยวข้อง การจัดระเบียบลูกค้าที่ใช้บริการ และการเว้นระยะห่างทางสังคมอีกด้วย
ทั้งนี้ ศูนย์การค้าเมกาบางนาได้สนับสนุนสื่อประชาสัมพันธ์ และงบประมาณทางด้านการตลาด เพื่อสร้างการรับรู้และสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น อีกทั้งช่วยเปิดโอกาสให้ร้านค้าในการขายสินค้าได้มากยิ่งขึ้น นำมาซึ่งการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวมทั้งศูนย์ผ่านกิจกรรมต่างๆ ตลอดทั้งปี ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการผลักดันโครงการของทางภาครัฐที่จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนเรื่องค่าใช้จ่ายให้แก่ประชาชนได้มากขึ้น โดยปัจจุบันมีร้านค้าย่อยภายในเมกาบางนาที่พร้อมรับชำระเงินจากประชาชนผู้ใช้สิทธิ์ของโครงการต่างๆ ทั้งร้านอาหารที่จำหน่ายอาหารแบบ Take Home เครื่องดื่ม เสื้อผ้า และของใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น ร้าน Bubble Time, Friday Tea Stand, SQUEEZE, ชีวิตชีวา เป็นต้น
นอกจากนี้ เมกาบางนายังได้ร่วมมือกับร้านค้าแบรนด์ชั้นนำจัดแคมเปญสุดพิเศษ มอบความคุ้มค่าให้ลูกค้าตลอดเดือนมิถุนายนจนถึงเดือนกรกฎาคมนี้ เมื่อซื้อสินค้าจากร้านค้าที่ร่วมรายการในศูนย์การค้าเมกาบางนาครบตามเงื่อนไข แลกรับ E-Voucher มูลค่ารวมสูงสุดกว่า 1 ล้านบาท หรือสำหรับลูกค้าที่ใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ แลกรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 15% หรือแลกรับบัตรกำนัลสตาร์บัคส์ มูลค่าสูงสุด 1,200 บาท พิเศษ!! สำหรับลูกค้าที่เป็นสมาชิกเมกา สไมล์ รีวอร์ดส แลกรับเมนูพิเศษในแคมเปญ Mega Grab & Go จากร้านอาหารที่ร่วมรายการได้อีกด้วย ทั้งนี้ เมื่อลูกค้าซื้อสินค้าจากร้านค้าต่างๆ ครบ 500 บาทขึ้นไป ยังสามารถนำใบเสร็จมาสะสมคะแนนเมกา สไมล์ รีวอร์ดส ผ่านแอปพลิเคชันเมกาบางนา เพื่อแลกรับของสมนาคุณต่างๆ เพิ่มเติมได้อีก ทั้งหมดนี้เพื่อช่วยเพิ่มความคุ้มค่า และประสบการณ์การชอปปิ้งที่พิเศษมากขึ้นให้ลูกค้าไว้วางใจเข้ามาใช้บริการที่เมกาบางนา
อย่างไรก็ตาม เมกาบางนาเชื่อมั่นว่าการเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งร่วมกันระหว่างศูนย์ฯ กับร้านค้าผู้เช่า จะช่วยบรรเทาผลกระทบและช่วยให้ลูกค้าที่มาเมกาบางนาจับจ่ายใช้สอยได้คุ้มค่าเงินที่สุด อันเป็นส่วนสำคัญในการก้าวข้ามวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกัน