ผู้จัดการรายวัน 360 - สยาม คานาเดี่ยน กรุ๊ป ปรับกลยุทธ์สู้โควิด-19 เร่งขยายตลาดบีทูซี รุกออนไลน์ เปิดตัว ฟู้ดดีฮับ ปูพรมตลาดคอนซูเมอร์ เสิร์ฟอาหารพร้อมปรุงและพร้อมรับประทาน 5 ประเภท ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในยุค New Normal เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19
นายชัยพัฒน์ คุณาภิวัฒน์กุล ผู้อำนวยการฝ่ายขายประจำประเทศไทย ฟู้ดดีฮับ (FoodDeeHub) ภายใต้กลุ่มบริษัท สยาม คานาเดี่ยน กรุ๊ป จำกัด ผู้นำเข้าและส่งออกอาหารแช่แข็งระดับพรีเมียมมากกว่า 34 ปี เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ที่เกิดขึ้นต้ังแต่ปีที่แล้ว(ปี พ.ศ. 2563) ต่อเนื่องมาถึงปีนี้ยอมรับว่าบริษัทฯ ได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยเฉพาะในส่วนลูกค้าที่เป็นกลุ่มฟูดเซอร์วิสในไทยที่ยอดขายตกลงมากกว่า 40% เพราะลูกค้ารับประทานอาหารนอกบ้านน้อยลง เพราะติดมาตรการเกี่ยวกับโควิดแต่ก็ยังมีรายได้ในส่วนอื่นที่ขายดีมาทดแทนบ้าง คือกลุ่มช่องทางรีเทลเลอร์ที่เจาะลูกค้าเอนด์ยูสเซอร์ทัั่วไป
ทั้งนี้ ปีที่แล้วยอดขายรวมคือ 420 ล้านบาท ซึ่งมาจาก 3 กลุ่มหลัก คือ 1. ตลาดส่งออกจากไทย ไม่ต่ำกว่า 3,000 ตู้คอนเทนเนอร์ต่อปี มีผู้จัดจำหน่ายกว่า 70 ประเทศทั่วโลก และมีเครือข่ายกว่า 9 สาขาในจีน เวียดนาม อินโดนีเซีย อินเดีย พม่า บังกลาเทศ ฮ่องกง อเมริกาใต้ (อาร์เจนตินา) โปแลนด์ 2. นำเข้าวัตถุดิบเข้ามาขายในไทย และ 3. กลุ่มลูกค้ารายย่อย ซึ่งปีนี้คาดว่ารายได้รวมอาจจะตกประมาณ 10% หรือมีประมาณ 380 ล้านบาทก็ถือว่าดีแล้ว ท่ามกลางการระบาดของโควิดยังหนัก
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้ปรับตัวตั้งแต่ปีที่แล้วหลายประการ เช่น ตั้งแต่เดือนเมษายนปีที่แล้วที่เริ่มทำตลาดบีทูซีหรือการเจาะตลาดผู้บริโภคโดยตรง ที่สามารถส่งสินค้าได้แล้วกว่า 38 จังหวัด การบุกตลาดออนไลน์ชื่อ ฟู้ดดีฮับ (Food Dee Hub) เมื่อเดือนตุลาคม ที่ผ่านทางช้อปปี้ และไลน์และเฟซบุ๊ก และเตรียมขยายไปยังเจดีเซ็นทรัลด้วย ซึ่งล่าสุดเมื่อเดือนมีนาคมร่วมมือกับทางลาซาด้า และมีแผนที่จะทำอีคอมเมิร์ซเองด้วยการพัฒนาเว็บไซต์ของตัวเองให้ซื้อขายได้ โดยตั้งเป้าหมายจะมียอดขายจากออนไลน์ปีแรกนี้ที่ 3 ล้านบาท เพิ่มเป็น 6 ล้านบาทในปีหน้า และปี 2566 จะมีประมาณ 12 ล้านบาท
นายชัยพัฒน์กล่าวด้วยว่า จากวิถีชีวิตและพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไป นิยมซื้ออาหารกลับไปรับประทานที่บ้านมากขึ้น และนิยมปรุงอาหารรับประทานเองมากขึ้น ดังนั้นอาหารพร้อมรับประทาน อาหารแช่แข็ง จึงตอบโจทย์วิถีชีวิตใหม่ โดยเฉพาะในช่วงเกิดการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 อายุการเก็บรักษา (Shelf life) 1 ถึง 2 ปี ลดความเสี่ยงจากการไปซื้อของตามตลาด หรือห้างร้านที่แออัดได้ ซึ่งเป็นปัจจัยเร่งให้ตลาดอาหารพร้อมรับประทานและอาหารพร้อมปรุงเติบโตต่อเนื่อง มีมูลค่าทางตลาดรวมประมาณ 21,000 ล้านบาท และเติบโฉลี่ย 3-5% ต่อปี
การเปิดตัว ฟู้ดดีฮับ ศูนย์รวมอาหารแช่แข็งระดับพรีเมียม แบรนด์สินค้าของเราเองจึงเข้ามาตอบโจทย์ตลาดตรงนี้ได้อย่างดี เป็นศูนย์รวมอาหารแช่แข็งระดับพรีเมียม โดยชูกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารแช่แข็งพร้อมปรุงและพร้อมรับประทานภายใต้แบรนด์สินค้าของเราเอง ซึ่งแบ่งออกเป็น 5 กลุ่ม เช่น กลุ่มที่ 1 อาหารทะเลสดแช่แข็ง (Frozen seafood) แบรนด์ Natural Coast ได้แก่ ปลาแซลมอน หอยเชลล์ยักษ์ กุ้ง ปลาหมึก ปลาดอรี เนื้อหอยลายปรุงสุก ปูนิ่ม วากาเมะ วัตถุดิบอาหารญี่ปุ่น ฯลฯ กลุ่มที่ 2 เบเกอรีแช่แข็ง (Frozen Bakery) แบรนด์ Club Gourmet ได้แก่ เมนูช็อกโกแลตลาวาเค้ก (Chocolate Lava Cake) และทิรามิสุ (Tiramisu) นำเข้าจากดินแดนต้นตำรับในยุโรป กลุ่มที่ 3 อาหารทะเลกับเนื้อสัตว์ที่ทำจากพืช (Frozen plant-basedfood) ซึ่งปัจจุบันอาหารในกลุ่มนี้ยังมีอาหารพร้อมปรุง (Ready to Cook) รวมอยู่ด้วย 5 เมนู ดังนี้ หมูกรอบ (ไร้หมู) ซี่โครงหมู (ไร้หมู) ปลาเค็ม (ไร้ปลา) ทอดมันปลา (ไร้ปลา) ลูกชิ้นกุ้ง (ไร้กุ้ง) และนอกจากนั้นกำลังจะเปิดตัวอาหารพร้อมรับประทาน (Ready to Eat) เพิ่มเติมอีกด้วย ได้แก่ เมนูข้าวกะเพราหมู (ไร้หมู) และ กะเพราไก่ (ไร้ไก่) ไรซ์เบอร์รี ในเดือนกรกฎาคมนี้ โดยสินค้ากลุ่มนี้เนื้อทำมาจากพืชนี้ล้วนๆ ภายใต้แบรนด์ Meatoo ซึ่งเน้นการพัฒนากลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารวิถียั่งยืนและส่งเสริมสุขภาพที่ดีด้วยโปรตีนจากพืชให้รับประทานอร่อยและรับประทานง่าย กลุ่มที่ 4 คือ อาหารกินเล่น (Food for Fun, Food for Family) เช่น ซาลาเปา ขนมจีบ ฮะเก๋า ถุงทอง ทอดมันกุ้ง ฯลฯ และล่าสุดได้เพิ่มอาหารกลุ่มที่ 5 เนื้อสัตว์ยอดนิยม เช่น เนื้อวัว เนื้อแกะ เนื้อเป็ด และเนื้อไก่ อีกด้วย เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเลือกจับจ่ายสินค้าคุณภาพที่มีความหลากหลาย ตรงทุกความต้องการจากที่เดียว ตามสโลแกน “อร่อย ครบ จบ ที่ฟู้ดดีฮับ”
ด้วยความชำนาญและประสบการณ์ในธุรกิจนี้ ทางบริษัทฯ เล็งเห็นโอกาสจากวิกฤตสถานการณ์โควิด-19 และได้ตัดสินใจขยายธุรกิจไปยังส่วนของการขายตรงสู่ผู้บริโภค (B2C) ในประเทศไทยในช่วงปลายปี 2563 โดยทางผู้บริหารต้องการที่จะใช้เซอร์วิสหลัก (Core business) ซึ่งได้รับการยอมรับจากลูกค้าต่างประเทศของเราไม่ว่าจะเป็นด้านการจัดหาวัตถุดิบ (Sourcing) การควบคุมคุณภาพ (Quality control) และระบบโลจิสติกส์ (Cold Chain Logistics) เป็นต้น มาใช้ในการทำตลาด B2C ในประเทศไทย โดยเฉพาะปัจจุบันแนวโน้มการทำตลาดออนไลน์มีการเติบโตอย่างมาก
“แม้เราเพิ่งเริ่มเข้าตลาด B2C แต่ประสบการณ์กว่า 34 ปี ในตลาด B2B ทำให้เรามั่นใจว่าจะสามารถขยายและพัฒนาผลิตภัณฑ์ในทุกๆ แบรนด์ภายใต้ ฟู้ดดีฮับ (FoodDeeHub) ให้เติบโตและได้รับความเชื่อใจจากผู้บริโภคเช่นเดียวกับตลาด B2B ด้วยปัจจัยหลักคือความหลากหลายและคุณภาพของสินค้า เสริมด้วยพฤติกรรมไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปและการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ตลาดออนไลน์มีบทบาทสำคัญ และการขยายฐานลูกค้าให้กับฟู้ดดีฮับ (FoodDeeHub) มากยิ่งขึ้น อีกทั้งตลาดแพลนต์เบสที่มีมูลค่า 28,000 ล้านบาท ก็มีการเติบโตที่ดี เป็นเทรนด์การบริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพ คาดว่าปี 2567 ตลาดแพลนต์เบสรวมในไทยจะเพิ่มเป็น 45,000 ล้านบาท จะช่วยเพิ่มยอดขายเราได้ด้วย” นายชัยพัฒน์กล่าว
นางสาวดุษฎีลักษณ์ อัครสกุลเกียรติ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายปฏิบัติการและผลิตภัณฑ์ ฟู้ดดีฮับ (FoodDeeHub) ภายใต้กลุ่มบริษัท สยาม คานาเดี่ยน กรุ๊ป จำกัด กล่าวต่อว่า สำหรับแผนการตลาดแบบ 360 องศา คือเน้นทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ทั้งนี้ จากแนวโน้มตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภคเน้นการทำตลาดช่องทางออนไลน์เป็นหลัก เนื่องจากยุคนิวนอร์มัล โดยการทำตลาดแบบออนไลน์จะช่วยกระจายและขยายสินค้าได้ครอบคลุมมากกว่า
“วันนี้ ฟู้ดดีฮับ ยังถือว่าเป็นผู้เล่นหน้าใหม่ใน E-commerce แต่ด้วยจุดแข็งและผลิตภัณฑ์ เสริมด้วยการจัดโปรโมชันพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นส่วนลด การจัดโปรฯ แถม ซึ่งฟู้ดดีฮับเลือกใช้ระบบขนส่งควบคุมอุณหภูมิที่ได้มาตรฐานสำหรับสินค้าทุกตัว เพื่อรักษาคุณภาพสินค้าสูงสุดจนกระทั่งถึงมือลูกค้า ถึงแม้ค่าบริการในการขนส่งจะสูงกว่าการขนส่งด้วยรถร้อน โดยทางฟู้ดดีฮับได้แบ่งเบาลูกค้าในด้านค่าขนส่งมากกว่าครึ่ง โดยคิดค่าขนส่งทั่วไทยเพียงแค่ 99 บาทต่อออเดอร์ในขณะนี้” นางสาวดุษฎีลักษณ์ อัครสกุลเกียรติ กล่าว
ทางด้านนาย วัชระ แก้วขาวผู้จัดการอาวุโสฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ฟู้ดดีฮับ (FoodDeeHub) ภายใต้กลุ่มบริษัท สยาม คานาเดี่ยน กรุ๊ป จำกัด กล่าวเสริมว่า ทางบริษัทใส่ใจต่อการรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยสะท้อนผ่านการเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่ทำจากวัสดุที่สามารถนำมารีไซเคิลได้ (Recyclable packaging) ออกแบบถุงให้มีผนึกซิปล็อก (Resealable zip-lock bags) โดยมีเจตนาให้ลูกค้าสามารถนำถุงไปใช้ซ้ำภายในครัวเรือนได้อีกด้วย
ทางด้านระบบโลจิสติกส์ เป็นอีกจุดหนึ่งที่ทาง ฟู้ดดีฮับ ให้ความสำคัญเป็นอย่างมากเนื่องจากสินค้าทุกกลุ่มเป็นอาหารแช่แข็ง (Frozen) โดยทางฟู้ดดีฮับมีคลังเก็บสินค้าและการขนส่งที่มีการควบคุมอุณหภูมิตามมาตรฐาน GSDP (Good Storage and Distribution Practices) ยิ่งไปกว่านั้น Service Provider ทางด้านการขนส่งที่เราใช้บริการนั้นมีความเชี่ยวชาญและมีเครือข่ายครอบคลุมทั่วประเทศไทย ดังนั้นทุกออเดอร์จึงส่งตรงถึงทุกบ้านในทุกพื้นที่ เรียกได้ว่าไม่ต้องลำบากใจกับคำว่า “อยู่นอกพื้นที่ให้บริการ” อีกต่อไป