ปตท.สผ.แจงผลประกอบการไตรมาส 1/ 564 ปรับตัวดีขึ้น โดยมีกำไรสุทธิ 376 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 364% จากไตรมาส 4/2563 เป็นผลจากราคาขายผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของราคาน้ำมันในตลาดโลก รวมถึงการบันทึกรายการพิเศษทางบัญชีจากการลงทุนในโครงการโอมาน แปลง 61 เตรียมปรับเพิ่มเป้าปริมาณการขายอีกครั้ง หลังการเข้าซื้อสัดส่วนในแปลง 61 เสร็จสิ้น และเริ่มการผลิตก๊าซฯ โครงการมาเลเซีย-แปลงเอช ได้เร็วกว่าที่คาด
นายพงศธร ทวีสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (PTTEP) หรือ ปตท.สผ. เปิดเผยผลการดำเนินงานบริษัทในไตรมาส 1 ปี 2564 ว่า ปตท.สผ.มีรายได้รวม 1,779 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเทียบเท่า 54,034 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 32 เมื่อเทียบกับ 1,348 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเทียบเท่า 40,494 ล้านบาทในไตรมาส 4 ปี 2563 โดยหลักมาจากรายได้จากการขายที่เพิ่มขึ้นเป็น 1,391 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเทียบเท่า 42,136 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยที่สูงขึ้นร้อยละ 10 มาอยู่ที่ 40.38 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ เนื่องมาจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ประกอบกับในไตรมาสแรกนี้บริษัทมีกำไรจากรายการที่ไม่ใช่การดำเนินงานปกติ (Non-recurring item) เพิ่มขึ้น จากการซื้อสัดส่วนการลงทุนร้อยละ 20 ในโครงการโอมาน แปลง 61 ในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่ายุติธรรม จำนวน 350 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเทียบเท่า 10,772 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในไตรมาส 1/2564 บริษัทมีปริมาณขายปิโตรเลียมเฉลี่ย 382,877 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสที่แล้วซึ่งมีปริมาณ 381,285 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน
สำหรับค่าใช้จ่ายรวมในไตรมาส 1 อยู่ที่ 1,213 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเทียบเท่า 36,764 ล้านบาท ไม่เปลี่ยนแปลงจากไตรมาส 4 ปีที่ผ่านมา แม้ว่าในไตรมาสนี้บริษัทจะมีรายจ่ายดำเนินงาน (Operating Expenditure) และค่าใช้จ่ายในการบริหาร (General & Administrative Expenses) ลดลง แต่บริษัทมีการบันทึกรายจ่ายที่ไม่ได้เกิดจากการดำเนินงานปกติจากการตัดจำหน่ายสินทรัพย์โครงการสำรวจในประเทศบราซิล จำนวน 145 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และผลขาดทุนจากสัญญาประกันความเสี่ยงราคาน้ำมันที่ 107 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
จากปัจจัยดังกล่าว ส่งผลให้ ปตท.สผ.มีกำไรสุทธิในไตรมาสที่ 1 จำนวน 376 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเทียบเท่า 11,534 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 364 เมื่อเทียบกับ 81 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเทียบเท่า 2,433 ล้านบาทในไตรมาส 4 ปีที่ผ่านมา และมีอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา ที่ร้อยละ 74 ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ อีกทั้งยังสามารถลดต้นทุนต่อหน่วย (Unit cost) ลงมาอยู่ที่ 27.96 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ
“ผลการดำเนินงานของ ปตท.สผ.ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากราคาขายที่เริ่มฟื้นตัวตามสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลก และยังมีความสำเร็จหลายประการที่เกิดขึ้นในไตรมาสนี้ ทั้งการซื้อสัดส่วนการลงทุนในแปลง 61 ประเทศโอมานที่เสร็จสมบูรณ์ และการเริ่มผลิตก๊าซธรรมชาติในโครงการมาเลเซีย- แปลงเอช เร็วกว่าที่ตั้งเป้าไว้ ทำให้สามารถเพิ่มปริมาณการขายได้ทันที และส่งผลให้สามารถปรับเพิ่มเป้าหมายการขายในปีนี้ขึ้นเป็น 405,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน ในด้านการสำรวจปิโตรเลียม เราค้นพบแหล่งปิโตรเลียมใหม่ๆ จากการเจาะหลุมสำรวจในมาเลเซียหลายแปลง เช่น หลุมโดกง-1 ในโครงการซาราวัก เอสเค 417 และหลุมซีรุง-1 ในโครงการซาราวัก เอสเค 405บี โดยยังมีแผนการเจาะสำรวจเพื่อค้นหาแหล่งน้ำมันและก๊าซฯ ในแปลงอื่นๆ ด้วย
ส่วนแหล่งลัง เลอบาห์ ในโครงการซาราวัก เอสเค 410บี ซึ่งเราค้นพบก๊าซธรรมชาติปริมาณสูงในปีที่แล้ว ซึ่งเมื่อทำการเจาะหลุมประเมินผลในปีนี้พบว่ามีปริมาณก๊าซฯ มากกว่าที่คาดไว้ เรียกได้ว่าเป็นแหล่งก๊าซธรรมชาติแหล่งใหญ่ที่สุดเท่าที่บริษัทเคยสำรวจพบ ซึ่งความสำเร็จเหล่านี้นอกจากจะช่วยเพิ่มปริมาณสำรองปิโตรเลียมให้ ปตท.สผ.ในอนาคตแล้ว ยังเป็นการเสริมสร้างฐานการลงทุนของบริษัทให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นอีกด้วย” นายพงศธรกล่าว