ผู้จัดการรายวัน 360 - เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท (SHR) บริษัทเรือธงในการประกอบธุรกิจโรงแรมของบริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) (S) ได้ดำเนินการตามแผนในการขายโรงแรมบางส่วนในสหราชอาณาจักร ซึ่งบริษัทฯ พิจารณาว่าเป็นโรงแรมที่มีศักยภาพในการทำกำไรจำกัด การดำเนินการดังกล่าวถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพพอร์ตการลงทุนและเพื่อเพิ่มผลตอบแทนสูงสุดให้กับบริษัท
บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (SHR) ได้ประกาศในวันนี้ว่า บริษัทฯ ได้บรรลุข้อตกลงการขายโรงแรม Mercure Newbury Elcot Park ในสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นโรงแรมขนาด 73 ห้อง คิดเป็นมูลค่ารวม 4.25 ล้านปอนด์ (หรือเทียบเท่า 182 ล้านบาท) นอกจากนี้ บริษัทยังพิจารณาที่จะขายโรงแรมในสหราชอาณาจักรซึ่งไม่ใช่สินทรัพย์หลักของบริษัทเพิ่มเติมอีกสูงสุดไม่เกิน 5 แห่ง โดยเงินที่ได้จากการขายสินทรัพย์ดังกล่าวจะนำไปลงทุนพัฒนาปรับปรุงโรงแรมชั้นนำของบริษัท เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน และต่อยอดประสิทธิภาพในการทำกำไรของพอร์ตโฟลิโอ
เดิร์ก อังเดร ลีน่า คุยเบอร์ (Dirk De Cuyper) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท เปิดเผยว่า แผนการขายโรงแรมดังกล่าวถือเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ในการเพิ่มประสิทธิภาพพอร์ตการลงทุนของบริษัทฯ ซึ่งประกอบด้วย 3 องค์ประกอบ ดังนี้
ประการแรก การปรับปรุงสินทรัพย์ โดยพิจารณาลงทุนในการปรับปรุงพัฒนาทรัพย์สินหลักของบริษัท ซึ่งเป็นโรงแรมที่สามารถสร้างผลการดำเนินงานที่ดีได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่ม EBITDA และศักยภาพในการทำกำไร รวมถึงเพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขันของโรงแรมเหล่านั้น
ประการที่ 2 การจำหน่ายสินทรัพย์ บริษัทตั้งเป้าหมายที่จะจำหน่ายทรัพย์สินบางส่วนที่มีความสามารถในการทำกำไรจำกัด แต่สามารถขายได้ในราคาที่เหมาะสมของภาวะตลาดในปัจจุบัน โดยบริษัทพิจารณาขายโรงแรม 4-6 แห่งที่อยู่ภายใต้เงื่อนไขดังกล่าว ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ซื้อที่มีศักยภาพ และคาดว่าธุรกรรมทั้งหมดจะแล้วเสร็จในปี 2564-2565
ประการสุดท้าย การเพิ่มประสิทธิภาพสินทรัพย์ โดยจะมุ่งเน้นโรงแรมที่เหลือซึ่งมีสัดส่วน 60% ของจำนวนโรงแรมทั้งหมดในพอร์ตการลงทุนนี้ ซึ่งบริษัทฯ จะแสวงหาโอกาสและศึกษาช่องทางอื่นๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของสินทรัพย์กลุ่มนี้ และยกระดับให้กลายมาเป็นสินทรัพย์หลักของบริษัท ยกตัวอย่างเช่น การแปลงทรัพย์สินที่เป็นสิทธิการเช่า (leasehold) มาเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ (freehold) เป็นต้น
“ในเชิงกลยุทธ์เราเชื่อว่าจำนวนโรงแรมที่เหมาะสมที่สุดของพอร์ตโฟลิโอนี้ควรอยู่ที่ประมาณ 20-21 โรงแรม โดยเป้าหมายในระยะกลางถึงยาว บริษัทฯ คาดว่าพอร์ตโฟลิโอนี้จะสามารถสร้าง EBITDA ได้ไม่ต่ำกว่าระดับสูงสุดที่เคยทำได้ในอดีตที่ 18 ล้านปอนด์ หรือเทียบเท่า 720 ล้านบาท และนี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของทิศทางเชิงกลยุทธ์ของบริษัทที่จะช่วยเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุน และสร้างมูลค่าให้กับบริษัท และนักลงทุน” นาย เดิร์กกล่าว